“วราวุธ” วางแผน พม. ช่วยกลุ่มเปราะบาง

กทม. 13 ก.ย.-“วราวุธ” วางแผน พม. ช่วยกลุ่มเปราะบาง ส่งนักสังคมสงเคราะห์-สหวิชาชีพเยียวยา ขอบคุณภาคเอกชน-เครือข่าย มอบน้ำดื่ม เครื่องอุปโภคบริโภค ไม้เท้า ผ้าอ้อมสำเร็จรูป สุขาเคลื่อนที่ ส่งช่วยเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในสถานการณ์ภัยพิบัติ ช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม – 12 กันยายน 2567 พบว่า มีพื้นที่ 28 จังหวัด คือ เชียงราย พิษณุโลก อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครสวรรค์ ตาก ปราจีนบุรี หนองคาย สุโขทัย แพร่ เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี ลำปาง หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ แม่ฮ่องสอน น่าน นครศรีธรรมราช ภูเก็ต ยะลา ระยอง พะเยา พังงา ตรัง สตูล และลำพูน จำนวน 92 อำเภอ 372 ตำบล 1,698 หมู่บ้าน 55,167 ครัวเรือน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยพิบัติ


โดยมีประชาชนเฉพาะที่เป็นกลุ่มเปราะบางได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยพิบัติ จำนวน 48,110 ครัวเรือน 56,110 ราย แบ่งเด็ก 7,400 ราย เยาวชน 5,391 ราย คนพิการ 9,912 ราย ผู้สูงอายุ 29,092 ราย และผู้มีรายได้น้อย 5,168 ราย ซึ่งประชาชนกลุ่มเปราะบางได้รับความช่วยเหลือแล้ว รวม 8,068 ราย แบ่งเป็นเงินสงเคราะห์ต่างๆ 5,337 ครอบครัว การให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องสิทธิสวัสดิการต่างๆ 2,675 คน เรื่องที่อยู่อาศัย 50 ราย และการกำพร้า 6 ราย

นอกจากนี้ มีการมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้แก่ผู้ประสบภัย โดยเป็นความร่วมกับภาคเอกชน ได้แก่ 1) ข้าวกล่อง 163,500 กล่อง 2) น้ำดื่มเนสท์เล่ 237,600 ขวด ซึ่งทางศูนย์รับบริจาคกระทรวง พม. ส่งมอบไปให้จังหวัดน่าน เชียงราย แพร่ และพะเยา 3) เครื่องอุปโภคบริโภคของกระทรวง พม. ร่วมกับหน่วยงานภายนอก 8,990 ชุด 4) ของใช้เฉพาะตามกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 24 ชุด เช่น ไม้เท้า,ผ้าอ้อมสำเร็จรูป,สุขาเคลื่อนที่


อีกทั้งมีการตั้งโรงครัว จำนวน 17 โรงครัว ได้แก่ จังหวัดน่าน 3 แห่ง แพร่ 1 แห่ง พะเยา 2 แห่ง สุโขทัย 2 แห่ง เชียงราย 7 แห่ง และเชียงใหม่ 2 แห่ง)

นายวราวุธ กล่าวว่า ขณะนี้เกิดสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มที่น่าเป็นห่วงในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ โดยจังหวัดเชียงรายนั้น มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจำนวน 19,499 ครัวเรือน ซึ่งกระทรวง พม. ได้เข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย ได้แก่ 1.ติดตามสถานการณ์และสนับสนุนการดำเนินงานช่วยเหลือร่วมกับกับจังหวัด 2.ร่วมปฏิบัติการกับศูนย์บัญชาการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมรวบรวมข้อมูลสภาพปัญหา ความต้องการและประสานการช่วยเหลือในภาวะวิกฤติเร่งด่วนตลอด 24 ชั่วโมง

และ 3.จัดเตรียมศูนย์พักพิงชั่วคราว กระทรวง พม. ทั้งหมด 7 แห่ง รองรับ 310 คน ได้แก่ ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จ.เชียงราย รองรับ 60 คน บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.เชียงราย รองรับ 30 คน ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว จ.เชียงราย รองรับ 60 คน ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.เชียงราย รองรับ 10 คน โครงการบ้านเอื้ออาทร จ.เชียงราย 3 แห่ง ได้แก่ 1. ริมกก รองรับ 50 คน 2. แม่สาย รองรับ 50 คน และ 3. แม่สาย 2 รองรับ 50 คน อีกทั้งมีการตั้งโรงครัว จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดเชียงราย (แม่สาย 1 และแม่สาย 2) จำนวน 1 แห่ง และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน จำนวน 2 แห่ง


นอกจากนี้ มีการลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือพร้อมให้กำลังใจ และส่งมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย และให้คำแนะนำด้านการดูแลเด็ก คนพิการ และผู้สูงอายุ ตลอดจนประสานอำนวยการในการเดินทางไปพบแพทย์ตามนัด

นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 2,928 ครัวเรือน ซึ่งกระทรวง พม. ได้เข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย 1) ติดตามสถานการณ์และสนับสนุนการกิจของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด และอำเภอ 2) สนับสนุนการตั้งครัวสนามเคลื่อนที่ ใน อ.ฝาง และ อ.แม่อาย 3) ลงพื้นที่เยี่ยมเด็กที่รักษาตัวในโรงพยาบาล และให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต อ.แม่อาย 4) ระดมทรัพยากรในการให้ความช่วยเหลือในระยะเร่งด่วน ได้แก่ น้ำดื่ม จำนวน 1,000 แพ็ค ถุงยังชีพ 320 ถุง มอบให้ผู้ประสบภัยพื้นที่ อ.ฝาง และ อ.แม่อาย 5) สำรวจข้อมูลผู้ประสบภัย เพื่อช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์ และพื้นที่เยี่ยมบ้าน ผู้ประสบภัย พร้อมจัดทำข้อมูลกลุ่มเปราะบางเป็นรายครัวเรือนในระบบ พม. Smart และ MSO – Logbook เพื่อวางแผนการดำเนินการช่วยเหลือร่วมกับทีมสหวิชาชีพในพื้นที่ 6) เตรียมความพร้อมทีมงานและอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในการประสานงานการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหา กรณีฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง 7) ประชาสัมพันธ์แนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในระยะฟื้นฟู และ 8) เตรียมความพร้อมในการตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว กระทรวง พม. จำนวน 4 แห่ง รองรับ 170 คน ได้แก่ สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านเชียงใหม่ รองรับ 50 คน บ้านเอื้ออาทร (หนองหาร – สันทราย) รองรับ 50 คน บ้านเอื้ออาทร (สันผีเสื้อ) รองรับ 50 คน และ สถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์เชียงใหม่ รองรับ 20 คน

นายวราวุธ ยังกล่าวขอบคุณทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานรัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และประชาชนทั่วไป ที่ร่วมมือร่วมใจกันสนับสนุนสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ผ่านทางกระทรวง พม. เพื่อนำไปมอบให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนอย่างหนัก อาทิ มูลนิธิวีวีแชร์ ร่วมกับบริษัทเซฟแคร์ส จำกัด บริจาคอาหารแช่แข็ง โจ๊กแช่แข็ง จำนวน 5,280 กล่อง มูลค่า 142,718 บาท เพื่อจัดส่งไปยังจังหวัดแพร่ พะเยา เชียงราย , มูลนิธิ We Love U บริจาคเครื่องอุปโภคบริโภคมูลค่า 74,226 บาท บริจาคข้าวสาร จำนวน 250 ถุง น้ำมันพืช 360 ขวด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 4,000 ซอง บริษัทเนสท์เล่(ไทย)จำกัด บริจาคน้ำดื่มจำนวน 19,800 แพ็ค มูลค่า 1,227,600 บาท เพื่อส่งไปยังจังหวัดแพร่ พะเยา เชียงราย น่าน

ทั้งนี้ กระทรวง พม. ดำเนินการจัดส่งไปให้ถึงมือพี่น้องประชาชน และยังมีบางส่วนที่กำลังเตรียมจัดส่งไปให้ในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม หากพี่น้องประชาชนประสบปัญหาความเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ขอให้โทรมาที่ ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ผ่าน สายด่วน พม. โทร. 1300.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]