“จุรินทร์” เตือนดิจิทัลวอลเล็ต เสี่ยงผิดวินัยการเงินการคลัง

รัฐสภา 17 ก.ค.- “จุรินทร์” เตือนรัฐบาลอย่าทำให้เกิดเงินกู้ไร้อนาคตปมดิจิทัลวอลเล็ต มีแรงกระเพื่อมจ๋อมเดียวแล้วหายกลายเป็นพายุหนี้ เสี่ยงผิดวินัยการเงินการคลัง หั่นงบจากเรือยอชต์เหลือเรือแจว ส่อแววประเทศเสียหายไม่ว่า ขอให้ข้าได้หาเสียง


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า วันนี้เป็นอีกวันที่ต้องมาพูดเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งที่ความจริงควรจะจบไปนานแล้ว แต่เพราะรัฐบาลสัญญาว่าจะทำทันที วันนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ส่วนสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมคือการกู้มาแจก 1.22 แสนล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท ที่รัฐบาลจะนำไปทำดิจิทัลวอลเล็ต

ตนเองติดตามข่าวมีคนในรัฐบาลอ้างว่าทำเหมือนสิงคโปร์ ซึ่งก็แตกต่าง ขอทำความเข้าใจว่าสิงคโปร์แจกจริง แต่เพราะมีเงินเหลือพอ ประเทศไทยกู้มาแจกเป็นคนละเวอร์ชั่นกัน ย้ำว่าไม่เคยต่อต้านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และยังทวงถามแทนประชาชนทุกครั้งว่าเงิน 10,000 บาทที่รัฐบาลประกาศจะแจกตั้งแต่ตอนหาเสียงจะได้เมื่อไร ได้กี่โมง วันนี้ก็จะขอทำหน้าที่ทวงถามอีกรอบ ส่วนตัวถือหลักว่าเมื่อพรรคการเมืองหาเสียงได้รัฐบาลแล้วต้องมีความรับผิดชอบ เพราะสัญญาแลกเอาคะแนนมาต้องชดใช้ให้กับประชาชน โดยจะต้องทำให้ทันเวลาถูกกฎหมาย โปร่งใส และคุ้มค่ากับประเทศ


ทั้งนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่รัฐบาลไม่ได้บอกกับประชาชน รัฐบาลบอกบางเรื่อง บางเรื่องไม่หมด บางเรื่องบิดเบือน จึงเป็นหน้าที่ของตนเองที่เป็นฝ่ายตรวจสอบ จะต้องทำหน้าที่เป็นกระจกเงาสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของรัฐบาลให้ประชาชนเห็น เพื่อเป็นประโยชน์ในการที่รัฐบาลจะนำไปปรับปรุงบริหารโครงการ และเพื่อให้ประชาชนรับรู้ร่วมกันว่าหลังแจกเงินคนละหมื่น ผลที่ตามมากับประเทศมีอะไรบ้าง

เริ่มที่ความล่าช้าของโครงการ ไม่ใช่แรงค้านของฝ่ายไหน แต่เป็นความโหลยโท่ยของรัฐบาล บริหารราชการแผ่นดินเหมือนเด็กเล่นขายของ เป็นไม้หลักปักขี้เลนโอนไปเอนมา เอาแน่ไม่ได้ เรื่องเวลาเลื่อนมาแล้วกี่รอบ ประชาชนลงเรือเก้อไปแล้วกี่ลำ

ส่วนแหล่งเงินก็กลับไปกลับมา แม้นายกฯ ออกมาโชว์พาว นำทีมแถลงเองบอกว่าต่อไปนี้ชัดเจน แต่ต่อมาก็ยกเลิกในสิ่งที่ตนเองแถลง นายกฯ ท่านนี้เชื่อถือได้กี่เปอร์เซ็นต์ ตอนหาเสียงบอกว่าจะแจกทันทีไม่มีกู้ พอเป็นรัฐบาลไม่กี่วันออกลายเลื่อนทันทีไม่มีกู้ ถึงขั้นออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท แต่สุดท้ายยกธงขาว เพราะจำนวนต่อข้อกฎหมายว่าทำไม่ได้รัฐบาล พยายามสร้างประเด็นว่าเศรษฐกิจกำลังวิกฤต เอาเข้าจริงมันไม่ได้วิกฤตถึงขั้นต้องกู้มาแจก เปลี่ยนมาใช้เงิน ธ.ก.ส.แทน ท่ามกลางเสียงเตือนสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายเพราะเงินดังกล่าวมีไว้แจกและดูแลเกษตรกร ไม่สามารถนำมาแจกแบบเหวี่ยงแหหรือเฮลิคอปเตอร์มันนี่ได้ รัฐบาลยังเสียงแข็งยืนยันว่าทำได้เสียเวลาไปสามเดือน เพราะความดื้อรั้นดันทุลังของรัฐบาลสุดท้ายโยนผ้าที่ยืนยันมาตลอดก็แค่ปากกล้าขาสั่น สร้างความหวังให้ประชาชนไปวัน ๆ


เมื่อวานซืนมาใหม่ ขอเปลี่ยนเป็นแหล่งเงินมาจากสองแหล่งคืองบประมาณ ปี 67 จำนวน 1.65 แสนล้านบาท แบ่งเป็นงบกลางปี 1.22 แสนล้านบาท ที่กำลังพิจารณาอยู่อีกก้อนเป็นงบบริหารจัดการ 4.3 หมื่นล้านบาท ส่วนงบปี 68 จำนวน 2.85 แสนล้านบาท แบ่งเป็น งบรายจ่าย 1.5 แสนล้านบาท และงบบริหารจัดการ 1.32 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน จนถึงวันนี้เม็ดเงินจริงยังไม่มีสักบาทล่องลอยอยู่ในอากาศ

หลายประเด็นยังไม่นิ่ง เพราะรัฐบาลบริหารแบบคิดไปทำไป ยกตัวอย่างรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีออกมาแถลงแหล่งเงิน 4.3 หมื่นล้านบาท จะเอามาจากงบกลาง ปี 67 จากนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังจึงออกมาแถลงต่อว่า 4.3 หมื่นล้านบาท ไม่จำเป็นต้องมาจากงบกลางทั้งหมด นี่เป็น ครม. ชุดเดียวกันหรือไม่

ส่วนเรื่องวันลงทะเบียนรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังแถลงหลังการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ที่นายกฯ เป็นประธาน โดยระบุว่าวันลงทะเบียนจะมอบให้คณะอนุกรรมการพิจารณาว่าวันไหน ขณะที่นายกโพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X เปิดให้ลงทะเบียน 1 ส.ค.67 เห็นใจรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังไปไม่เป็น เพราะนายกฯ มาแย่งซีน สินค้าอะไรซื้อได้หรือไม่ได้ คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่มอบกระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณา เป็นการคิดไปทำไป สวนกันมาสวนกันไป

ขณะที่ยอดเงินลดมา 3 รอบ เริ่มต้นยืนยันว่าวงเงิน 5.6 แสนล้านบาท ลดเหลือ 5 แสนล้านบาท ลดเหลือ 4.5 แสนล้านบาทจากเรือยอร์ชเป็นเรือแจว แต่ยังคงเป้าหมาย 50 ล้านคนไว้ไม่มีลด โดยหวังว่า 10% หรือประมาณ 5 ล้านคนจะไม่มาใช้สิทธิ แต่ถ้า 5 ล้านคนมาใช้สิทธิจะเอาเงินที่ไหนไปแจก เหมือนนั่งเรือแจวไปตายเอาดาบหน้า

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่านายกฯ พูดความจริงเพียงแค่ครึ่งเดียวเกี่ยวกับการใช้งบกลางปี 67 งบกลางที่ไม่ได้ใช้และรัฐบาลหวังจะเอามาแจก อยู่ในงบกลางฉุกเฉิน มี 9.5 หมื่นล้านบาท ตัวเลขจากกรมบัญชีกลางรัฐบาลใช้ไปแค่ 3.25 พันล้านบาท หรือ 3.25% แปลว่าการเบิกจ่ายงบฉุกเฉินเกียร์ว่าง เพื่อให้เงินเหลือใช้เอามาแจก สนองนโยบายพรรคการเมืองและรัฐบาล

สำหรับงบปี 68 จำนวน 1.3 แสนล้านบาท จนวันนี้ยังไม่รู้ว่าจะเอามาจากไหน ขอให้รัฐบาลช่วยตอบ จะใช้วิธีนำเสียงข้างมากในคณะกรรมาธิการตัดงบมากองไว้ให้ได้มากที่สุด แล้วใช้มติ ครม.เพื่อนำไปใช้ในดิจิทัลวอลเล็ต พรรคร่วมรัฐบาลจะนั่งเป็นตัวการ์ตูนหรือ ประชาชนจะเสียหายขนาดไหน กระทรวงจะนำเงินจากไหนไปบริหาร หรือจะต้องมาเสนองบกลางปี 68 เพื่อให้ได้เงินพอ ทั้งหมดเป็นความจริงที่รัฐบาล ไม่ได้บอก เป็นวิบากกรรมที่รัฐบาลสร้างขึ้นมา ทำให้ตนเองต้องมาทำหน้าที่บอกกับประชาชนแทน

พ.ร.บ.ฉบับที่เรากำลังพิจารณากัน ประกอบด้วยหลักการเหตุผลและเนื้อหาเพียงแค่ 6 มาตรา ประกอบด้วยรายจ่ายใส่ไว้ในงบกลาง 1.22 แสนล้านบาทเพื่อทำดิจิทัลวอลเล็ตโดยเฉพาะ และให้กระทรวงการคลังมีอำนาจในการสั่งจ่าย ระบุรายได้ไม่ได้กู้ทั้งดุ้น ตามเอกสารเขียนไว้ว่ารายได้หมื่นล้านมาจากภาษีและรายได้อื่น เป็นแหล่งเงินจากการจัดเก็บรายได้ ที่เดิมไม่ได้กำหนดไว้ในงบประมาณการ แต่เมื่อไปดูกลับพบว่างบประมาณหนึ่งล้านบาทมาจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทยที่ต้องโอนให้คลัง จึงถือโอกาสใส่มาเพื่อแก้เกี้ยวว่าไม่ได้กู้ทั้งดุ้น เงินก้อนนี้กลายเป็นเงินบุญหล่นทับไม่ได้เกิดจากฝีมือรัฐบาล

หากมีการอนุมัติ พ.ร.บ.ฉบับนี้ เท่ากับอนุมัติให้รัฐบาลกู้เงินมาชดเชยการขาดดุล 1.22 แสนล้านบาท เอามาแจกเพื่อสนองนโยบาย ส่วนการใช้หนี้เป็นเรื่องของอนาคต ขณะที่รายจ่ายลงทุน ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในทุกวงการของผู้มีความรู้ เพราะรัฐบาลตีความว่า 9.7 หมื่นล้านบาทเป็นรายจ่ายลงทุน ซึ่งไม่น่าจะจริง เพราะดิจิทัลวอลเล็ตไม่ใช่เงินลงทุนแต่เป็นเงินโอนเพื่อการบริโภค นิยามรายจ่ายลงทุนของสำนักงบประมาณระบุไว้ชัดว่า รายจ่ายที่รัฐบาลจ่ายเพื่อจัดหาสินทรัพย์ประเภททุนทั้งที่มีตัวตนและไม่มีตัวตน ตลอดจนรายจ่ายที่รัฐบาลอุดหนุนหรือโอนให้แก่บุคคลโดยผู้รับไม่ต้องจ่ายคืนให้รัฐบาล และผู้รับนำไปใช้จัดหาสินทรัพย์ประเภททุน นอกจากนี้รายจ่ายลงทุนยังรวมถึงรายจ่ายที่รัฐบาลจ่ายอุดหนุน โดยผู้รับตั้งใจนำไปลงทุน ไม่ใช่เพื่อการบริโภค เป็นการวินิจฉัยเองว่าเงินที่มาขออนุมัติเท่ากับเงินลงทุน

สุดท้ายอาจนำไปสู่ความเสี่ยงผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังมาตรา 20 (1) เข้าใจรัฐบาลที่พยายามจะใส่ฟองสบู่ว่าเงินที่มาขอกู้วันนี้ เอาไปลงทุนเยอะไม่ได้เอาบริโภคอย่างเดียว และจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในการพัฒนาต่อไป แต่หนีความจริงไม่พ้นว่าที่แจก แจกเพื่อบริโภค

ส่วนเรื่องความคุ้มค่า รัฐบาลตีปิ๊บมาโดยตลอดดิจิทัลวอลเล็ตจะทำให้เศรษฐกิจโต 5% ทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทำให้ GDP เฉพาะดิจิทัลวอลเล็ตโต 1.2-1.8% พูดอย่างกับตลกคาเฟ่ ดูถูกคนคิดเลขทั้งประเทศ เพราะไม่ว่าจะหน่วยงานไหนก็ระบุว่าได้ไม่คุ้มเสีย ทั้งยังมีค่าเสียโอกาสหากรัฐบาลเอา 5 แสนล้านไปทำอย่างอื่น เช่น แจกกลุ่มเปราะบาง แจกคนจน จะทำให้เขาใช้เงินทันที เอาเงินที่เหลือไปใช้ลงทุนด้านอื่นเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน จะได้ประโยชน์มากกว่าการกู้เพื่อศรษฐกิจระยะสั้น

เพราะฉะนั้นการกู้มาแจกแค่ 6 เดือนเหมือนโยนหินลงน้ำหนึ่ง เกิดแรงกระเพื่อมจ๋อมเดียวแล้วก็หายไป แต่ที่เกิดตามมาคือพายุหมุน เอาหนี้ก้อนโตมาให้คนไทยชดใช้ไปอีกนาน เข้าทำนอง “ประเทศเสียหายไม่ว่าขอให้ข้าได้หาเสียง”

นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงเรื่องความไม่โปร่งใส โดยเตือนรัฐบาลให้ระวังอย่าทำให้กลายเป็นแรงกู้ไร้อนาคตเพราะการทุจริตคอรัปชั่น นอกจากนี้ยังมีคำถามเดิมจากประชาชนที่สงสัยรัฐบาล เช่น ทำไมไม่แจกเป็นเงินสด ทำไมต้องซับซ้อน ทำไมไม่แจกผ่านแอปเป๋าตัง ส่วนเหตุผลที่ต้องแจกเงินคนอายุ 16 ปีขึ้นไป เพราะอีก 2 ปีอายุ 18 ปี สามารถลงคะแนนเลือกตั้งได้ เป็นคำตอบว่าสุดท้ายแจกเงินเพื่อใคร

รัฐบาลเคยถามตนเองหรือไม่ ช่วงเข้ามาใหม่มีคนทำผลสำรวจหากยกเลิกโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ประชาชนจะโกรธไหม ซึ่งประชาชนตอบตรงกัน ประมาณ 70% ว่าไม่โกรธเลย อนุมานได้ว่าหลังเลือกตั้งงบประมาณเศรษฐกิจยังพอไปได้ แต่ถ้ามาถามใหม่ ไม่แน่ใจว่าคำตอบจะเปลี่ยนหรือไม่ เพราะรัฐบาลนี้บริหารมาเกือบปี ไม่เหลืออะไรให้ประชาชนหวังได้อีก นอกจากน้ำข้าวต้มดิจิทัลวอลเล็ตชามเดียว

แม้จะเปลี่ยนไปใช้แอปทางลัด แต่ดิจิทัลวอลเล็ต เป็นแค่ทางรอดของประชาชนคนจนและกลุ่มเปราะบางชั่วคราวเฉพาะกิจเท่านั้น แม้อาจจะเป็นทางรอดของบางพรรคการเมือง แต่ไม่ใช่ทางรอดของประเทศ.-317 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย