รัฐสภา 17 ก.ค.- “จุรินทร์” เตือนรัฐบาลอย่าทำให้เกิดเงินกู้ไร้อนาคตปมดิจิทัลวอลเล็ต มีแรงกระเพื่อมจ๋อมเดียวแล้วหายกลายเป็นพายุหนี้ เสี่ยงผิดวินัยการเงินการคลัง หั่นงบจากเรือยอชต์เหลือเรือแจว ส่อแววประเทศเสียหายไม่ว่า ขอให้ข้าได้หาเสียง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า วันนี้เป็นอีกวันที่ต้องมาพูดเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งที่ความจริงควรจะจบไปนานแล้ว แต่เพราะรัฐบาลสัญญาว่าจะทำทันที วันนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ส่วนสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมคือการกู้มาแจก 1.22 แสนล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท ที่รัฐบาลจะนำไปทำดิจิทัลวอลเล็ต
ตนเองติดตามข่าวมีคนในรัฐบาลอ้างว่าทำเหมือนสิงคโปร์ ซึ่งก็แตกต่าง ขอทำความเข้าใจว่าสิงคโปร์แจกจริง แต่เพราะมีเงินเหลือพอ ประเทศไทยกู้มาแจกเป็นคนละเวอร์ชั่นกัน ย้ำว่าไม่เคยต่อต้านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และยังทวงถามแทนประชาชนทุกครั้งว่าเงิน 10,000 บาทที่รัฐบาลประกาศจะแจกตั้งแต่ตอนหาเสียงจะได้เมื่อไร ได้กี่โมง วันนี้ก็จะขอทำหน้าที่ทวงถามอีกรอบ ส่วนตัวถือหลักว่าเมื่อพรรคการเมืองหาเสียงได้รัฐบาลแล้วต้องมีความรับผิดชอบ เพราะสัญญาแลกเอาคะแนนมาต้องชดใช้ให้กับประชาชน โดยจะต้องทำให้ทันเวลาถูกกฎหมาย โปร่งใส และคุ้มค่ากับประเทศ
ทั้งนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่รัฐบาลไม่ได้บอกกับประชาชน รัฐบาลบอกบางเรื่อง บางเรื่องไม่หมด บางเรื่องบิดเบือน จึงเป็นหน้าที่ของตนเองที่เป็นฝ่ายตรวจสอบ จะต้องทำหน้าที่เป็นกระจกเงาสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของรัฐบาลให้ประชาชนเห็น เพื่อเป็นประโยชน์ในการที่รัฐบาลจะนำไปปรับปรุงบริหารโครงการ และเพื่อให้ประชาชนรับรู้ร่วมกันว่าหลังแจกเงินคนละหมื่น ผลที่ตามมากับประเทศมีอะไรบ้าง
เริ่มที่ความล่าช้าของโครงการ ไม่ใช่แรงค้านของฝ่ายไหน แต่เป็นความโหลยโท่ยของรัฐบาล บริหารราชการแผ่นดินเหมือนเด็กเล่นขายของ เป็นไม้หลักปักขี้เลนโอนไปเอนมา เอาแน่ไม่ได้ เรื่องเวลาเลื่อนมาแล้วกี่รอบ ประชาชนลงเรือเก้อไปแล้วกี่ลำ
ส่วนแหล่งเงินก็กลับไปกลับมา แม้นายกฯ ออกมาโชว์พาว นำทีมแถลงเองบอกว่าต่อไปนี้ชัดเจน แต่ต่อมาก็ยกเลิกในสิ่งที่ตนเองแถลง นายกฯ ท่านนี้เชื่อถือได้กี่เปอร์เซ็นต์ ตอนหาเสียงบอกว่าจะแจกทันทีไม่มีกู้ พอเป็นรัฐบาลไม่กี่วันออกลายเลื่อนทันทีไม่มีกู้ ถึงขั้นออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท แต่สุดท้ายยกธงขาว เพราะจำนวนต่อข้อกฎหมายว่าทำไม่ได้รัฐบาล พยายามสร้างประเด็นว่าเศรษฐกิจกำลังวิกฤต เอาเข้าจริงมันไม่ได้วิกฤตถึงขั้นต้องกู้มาแจก เปลี่ยนมาใช้เงิน ธ.ก.ส.แทน ท่ามกลางเสียงเตือนสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายเพราะเงินดังกล่าวมีไว้แจกและดูแลเกษตรกร ไม่สามารถนำมาแจกแบบเหวี่ยงแหหรือเฮลิคอปเตอร์มันนี่ได้ รัฐบาลยังเสียงแข็งยืนยันว่าทำได้เสียเวลาไปสามเดือน เพราะความดื้อรั้นดันทุลังของรัฐบาลสุดท้ายโยนผ้าที่ยืนยันมาตลอดก็แค่ปากกล้าขาสั่น สร้างความหวังให้ประชาชนไปวัน ๆ
เมื่อวานซืนมาใหม่ ขอเปลี่ยนเป็นแหล่งเงินมาจากสองแหล่งคืองบประมาณ ปี 67 จำนวน 1.65 แสนล้านบาท แบ่งเป็นงบกลางปี 1.22 แสนล้านบาท ที่กำลังพิจารณาอยู่อีกก้อนเป็นงบบริหารจัดการ 4.3 หมื่นล้านบาท ส่วนงบปี 68 จำนวน 2.85 แสนล้านบาท แบ่งเป็น งบรายจ่าย 1.5 แสนล้านบาท และงบบริหารจัดการ 1.32 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน จนถึงวันนี้เม็ดเงินจริงยังไม่มีสักบาทล่องลอยอยู่ในอากาศ
หลายประเด็นยังไม่นิ่ง เพราะรัฐบาลบริหารแบบคิดไปทำไป ยกตัวอย่างรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีออกมาแถลงแหล่งเงิน 4.3 หมื่นล้านบาท จะเอามาจากงบกลาง ปี 67 จากนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังจึงออกมาแถลงต่อว่า 4.3 หมื่นล้านบาท ไม่จำเป็นต้องมาจากงบกลางทั้งหมด นี่เป็น ครม. ชุดเดียวกันหรือไม่
ส่วนเรื่องวันลงทะเบียนรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังแถลงหลังการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ที่นายกฯ เป็นประธาน โดยระบุว่าวันลงทะเบียนจะมอบให้คณะอนุกรรมการพิจารณาว่าวันไหน ขณะที่นายกโพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X เปิดให้ลงทะเบียน 1 ส.ค.67 เห็นใจรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังไปไม่เป็น เพราะนายกฯ มาแย่งซีน สินค้าอะไรซื้อได้หรือไม่ได้ คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่มอบกระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณา เป็นการคิดไปทำไป สวนกันมาสวนกันไป
ขณะที่ยอดเงินลดมา 3 รอบ เริ่มต้นยืนยันว่าวงเงิน 5.6 แสนล้านบาท ลดเหลือ 5 แสนล้านบาท ลดเหลือ 4.5 แสนล้านบาทจากเรือยอร์ชเป็นเรือแจว แต่ยังคงเป้าหมาย 50 ล้านคนไว้ไม่มีลด โดยหวังว่า 10% หรือประมาณ 5 ล้านคนจะไม่มาใช้สิทธิ แต่ถ้า 5 ล้านคนมาใช้สิทธิจะเอาเงินที่ไหนไปแจก เหมือนนั่งเรือแจวไปตายเอาดาบหน้า
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่านายกฯ พูดความจริงเพียงแค่ครึ่งเดียวเกี่ยวกับการใช้งบกลางปี 67 งบกลางที่ไม่ได้ใช้และรัฐบาลหวังจะเอามาแจก อยู่ในงบกลางฉุกเฉิน มี 9.5 หมื่นล้านบาท ตัวเลขจากกรมบัญชีกลางรัฐบาลใช้ไปแค่ 3.25 พันล้านบาท หรือ 3.25% แปลว่าการเบิกจ่ายงบฉุกเฉินเกียร์ว่าง เพื่อให้เงินเหลือใช้เอามาแจก สนองนโยบายพรรคการเมืองและรัฐบาล
สำหรับงบปี 68 จำนวน 1.3 แสนล้านบาท จนวันนี้ยังไม่รู้ว่าจะเอามาจากไหน ขอให้รัฐบาลช่วยตอบ จะใช้วิธีนำเสียงข้างมากในคณะกรรมาธิการตัดงบมากองไว้ให้ได้มากที่สุด แล้วใช้มติ ครม.เพื่อนำไปใช้ในดิจิทัลวอลเล็ต พรรคร่วมรัฐบาลจะนั่งเป็นตัวการ์ตูนหรือ ประชาชนจะเสียหายขนาดไหน กระทรวงจะนำเงินจากไหนไปบริหาร หรือจะต้องมาเสนองบกลางปี 68 เพื่อให้ได้เงินพอ ทั้งหมดเป็นความจริงที่รัฐบาล ไม่ได้บอก เป็นวิบากกรรมที่รัฐบาลสร้างขึ้นมา ทำให้ตนเองต้องมาทำหน้าที่บอกกับประชาชนแทน
พ.ร.บ.ฉบับที่เรากำลังพิจารณากัน ประกอบด้วยหลักการเหตุผลและเนื้อหาเพียงแค่ 6 มาตรา ประกอบด้วยรายจ่ายใส่ไว้ในงบกลาง 1.22 แสนล้านบาทเพื่อทำดิจิทัลวอลเล็ตโดยเฉพาะ และให้กระทรวงการคลังมีอำนาจในการสั่งจ่าย ระบุรายได้ไม่ได้กู้ทั้งดุ้น ตามเอกสารเขียนไว้ว่ารายได้หมื่นล้านมาจากภาษีและรายได้อื่น เป็นแหล่งเงินจากการจัดเก็บรายได้ ที่เดิมไม่ได้กำหนดไว้ในงบประมาณการ แต่เมื่อไปดูกลับพบว่างบประมาณหนึ่งล้านบาทมาจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทยที่ต้องโอนให้คลัง จึงถือโอกาสใส่มาเพื่อแก้เกี้ยวว่าไม่ได้กู้ทั้งดุ้น เงินก้อนนี้กลายเป็นเงินบุญหล่นทับไม่ได้เกิดจากฝีมือรัฐบาล
หากมีการอนุมัติ พ.ร.บ.ฉบับนี้ เท่ากับอนุมัติให้รัฐบาลกู้เงินมาชดเชยการขาดดุล 1.22 แสนล้านบาท เอามาแจกเพื่อสนองนโยบาย ส่วนการใช้หนี้เป็นเรื่องของอนาคต ขณะที่รายจ่ายลงทุน ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในทุกวงการของผู้มีความรู้ เพราะรัฐบาลตีความว่า 9.7 หมื่นล้านบาทเป็นรายจ่ายลงทุน ซึ่งไม่น่าจะจริง เพราะดิจิทัลวอลเล็ตไม่ใช่เงินลงทุนแต่เป็นเงินโอนเพื่อการบริโภค นิยามรายจ่ายลงทุนของสำนักงบประมาณระบุไว้ชัดว่า รายจ่ายที่รัฐบาลจ่ายเพื่อจัดหาสินทรัพย์ประเภททุนทั้งที่มีตัวตนและไม่มีตัวตน ตลอดจนรายจ่ายที่รัฐบาลอุดหนุนหรือโอนให้แก่บุคคลโดยผู้รับไม่ต้องจ่ายคืนให้รัฐบาล และผู้รับนำไปใช้จัดหาสินทรัพย์ประเภททุน นอกจากนี้รายจ่ายลงทุนยังรวมถึงรายจ่ายที่รัฐบาลจ่ายอุดหนุน โดยผู้รับตั้งใจนำไปลงทุน ไม่ใช่เพื่อการบริโภค เป็นการวินิจฉัยเองว่าเงินที่มาขออนุมัติเท่ากับเงินลงทุน
สุดท้ายอาจนำไปสู่ความเสี่ยงผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังมาตรา 20 (1) เข้าใจรัฐบาลที่พยายามจะใส่ฟองสบู่ว่าเงินที่มาขอกู้วันนี้ เอาไปลงทุนเยอะไม่ได้เอาบริโภคอย่างเดียว และจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในการพัฒนาต่อไป แต่หนีความจริงไม่พ้นว่าที่แจก แจกเพื่อบริโภค
ส่วนเรื่องความคุ้มค่า รัฐบาลตีปิ๊บมาโดยตลอดดิจิทัลวอลเล็ตจะทำให้เศรษฐกิจโต 5% ทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทำให้ GDP เฉพาะดิจิทัลวอลเล็ตโต 1.2-1.8% พูดอย่างกับตลกคาเฟ่ ดูถูกคนคิดเลขทั้งประเทศ เพราะไม่ว่าจะหน่วยงานไหนก็ระบุว่าได้ไม่คุ้มเสีย ทั้งยังมีค่าเสียโอกาสหากรัฐบาลเอา 5 แสนล้านไปทำอย่างอื่น เช่น แจกกลุ่มเปราะบาง แจกคนจน จะทำให้เขาใช้เงินทันที เอาเงินที่เหลือไปใช้ลงทุนด้านอื่นเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน จะได้ประโยชน์มากกว่าการกู้เพื่อศรษฐกิจระยะสั้น
เพราะฉะนั้นการกู้มาแจกแค่ 6 เดือนเหมือนโยนหินลงน้ำหนึ่ง เกิดแรงกระเพื่อมจ๋อมเดียวแล้วก็หายไป แต่ที่เกิดตามมาคือพายุหมุน เอาหนี้ก้อนโตมาให้คนไทยชดใช้ไปอีกนาน เข้าทำนอง “ประเทศเสียหายไม่ว่าขอให้ข้าได้หาเสียง”
นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงเรื่องความไม่โปร่งใส โดยเตือนรัฐบาลให้ระวังอย่าทำให้กลายเป็นแรงกู้ไร้อนาคตเพราะการทุจริตคอรัปชั่น นอกจากนี้ยังมีคำถามเดิมจากประชาชนที่สงสัยรัฐบาล เช่น ทำไมไม่แจกเป็นเงินสด ทำไมต้องซับซ้อน ทำไมไม่แจกผ่านแอปเป๋าตัง ส่วนเหตุผลที่ต้องแจกเงินคนอายุ 16 ปีขึ้นไป เพราะอีก 2 ปีอายุ 18 ปี สามารถลงคะแนนเลือกตั้งได้ เป็นคำตอบว่าสุดท้ายแจกเงินเพื่อใคร
รัฐบาลเคยถามตนเองหรือไม่ ช่วงเข้ามาใหม่มีคนทำผลสำรวจหากยกเลิกโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ประชาชนจะโกรธไหม ซึ่งประชาชนตอบตรงกัน ประมาณ 70% ว่าไม่โกรธเลย อนุมานได้ว่าหลังเลือกตั้งงบประมาณเศรษฐกิจยังพอไปได้ แต่ถ้ามาถามใหม่ ไม่แน่ใจว่าคำตอบจะเปลี่ยนหรือไม่ เพราะรัฐบาลนี้บริหารมาเกือบปี ไม่เหลืออะไรให้ประชาชนหวังได้อีก นอกจากน้ำข้าวต้มดิจิทัลวอลเล็ตชามเดียว
แม้จะเปลี่ยนไปใช้แอปทางลัด แต่ดิจิทัลวอลเล็ต เป็นแค่ทางรอดของประชาชนคนจนและกลุ่มเปราะบางชั่วคราวเฉพาะกิจเท่านั้น แม้อาจจะเป็นทางรอดของบางพรรคการเมือง แต่ไม่ใช่ทางรอดของประเทศ.-317 -สำนักข่าวไทย