รัฐสภา 28 พ.ค.- “ณัฐพงษ์” สับงบฯ 69 สูตรเดิม เป็นกระจกสะท้อนชั้นดี รัฐบาลไร้ทิศไร้ทาง ตั้งคำถาม ประเทศไทยมีคนทำหน้าที่ “ผู้นำรัฐบาล” อยู่จริงหรือไม่ ชี้สถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่วิกฤติทางการคลัง แต่เป็นวิกฤติทางการเมือง มัวแต่แก้ปัญหาพรรคร่วม ไม่มีสมาธิจดจ่อแก้ไขปัญหาประเทศ
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เปิดการอภิปรายงบ 69 ว่า เข้าใจนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้แถลงงบ ด้วยการอ้างอิงการประมาณการณ์ การเติบโตทางเศรษฐกิจ จากสภาพัฒน์ฯ เมื่อง ก.พ. 2568 ว่า เศรษฐกิจ จะโต 2.3-3.3 % ซึ่งตนเข้าใจเพราะหากนายกรัฐมนตรี ใช้ตัวเลขสภาพัฒน์ฯ ที่ปรับสุดเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ค่ากลางอยู่ที่ 1.8 % จะกระทบต่อการประมาณการณ์การจัดเก็บรายได้ของรัฐ และกระทบกับโครงสร้างงบประมาณทั้งหมด แต่สิ่งที่ตนคาดหวัง ให้นายกรัฐมนตรี ลงมือปรับคำแถลงนโยบาย ไม่ใช่เหมือนเดิมตลอด 6-7 ปี ที่ตนทำหน้าที่ในสภาผู้แทน ที่สำนักงบประมาณเขียนมาให้ ทำให้ตนสงสัยว่า เป็นเพราะนายกฯ ไม่ปรับ งบเลยไม่เปลี่ยน คนไทยจึงต้องรับกรรม
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงภาพรวมงบปี 69 แสดงให้เห็นถึงสุขภาวการณ์คลังของประเทศในปัจจุบัน แม้ว่ารัฐบาลจะเบ่งงบ จนเกือบเต็มกรอบ แต่ยังเหลืองบ ไปให้กับโครงการใหม่ๆ ได้น้อย โดยรัฐบาลได้ตั้งงบขาดดุล อยู่ที่ 3.78 ล้านล้านบาท ในขณะที่ประมาณการณ์รายได้ของประเทศอยู่ที่ 2.92 ล้านล้านบาท ส่งผลให้ต้องกู้เพื่อชดเชยงบขาดดุล 8.6 แสนล้านบาท คิดเป็น 4.5% ต่อ GDP แต่ต้องย้ำว่าเป็นตัวเลขเก่า เพราะหากใช้ตัวเลขใหม่ สัดส่วนจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ และในปีนี้ 2568 รัฐบาลเพื่อไทยยังสร้างสถิติใหม่ กู้เพื่อชดเชยการขาดดุล เป็นสัดส่วนต่อ GDP ที่สูงที่สุดในรอบ 36 ปี สิ่งที่น่ากังวลในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องของการกู้ แต่เป็นการที่รัฐบาลใช้เงินเกินตัว โดยไม่มีแผนการลงทุน หรือหารายได้มารองรับ มีแต่การกู้ซ้ำๆ ไปลงทุนกับโครงสร้างเดิมๆ ไม่สร้างรายได้ ไม่สร้างอนาคต ให้กับประเทศ เพราะเหลือเงินที่นำไปใช้ได้จริง เพียง 1 ใน 4 ของทั้งก้อน หรือประมาณ 1.06 ล้านล้านบาทเท่านั้น
“ประชาชน ต้องการรัฐบาล ที่รู้จักการใช้อำนาจ ไม่ใช่รัฐบาลที่เป็นแหล่งรวมของผู้แสวงหาอำนาจ ที่มารวมตัวกันเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เพื่อให้ตัวเองดำรงอยู่ในอำนาจได้ต่อไป งบ 69 ถือเป็นกระจกสะท้อนชั้นดี ว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาล ที่ไร้ทิศไร้ทาง และไร้ภาพ เพราะใช้เวลาไปกับการแก้ไขปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้เอาสมาธิไปจดจ่อแก้ไขปัญหาประเทศ สิ่งที่ตอกย้ำเรื่องนี้ได้ชัดเจนที่สุด อยู่ที่ งบกลาง ปี 68 ที่มติครม. ต้องการเปลี่ยน งบโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไปใช้ในการลงทุนระยะสั้น 1.57 แสนล้านบาท ไม่ใช่การกระจายอำนาจ แต่กระจายภาระไปที่ท้องถิ่น” นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ปีที่โลกปั่นป่วน อุณภูมิที่รุนแรง เศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ เรายังใช้งบสูตรเดิม ที่ล้มเหลวมาอย่างต่อเนื่องหลายปี งบ 69 จะเป็นคำตอบว่าประเทศไทย จะผ่านวิกฤติไปได้หรือไม่ ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ทำให้ไทยมีโอกาสสูญเสีย GDP สูง 45% โดยเฉพาะการท่องเที่ยว และการเกษตร ภาษีทรัมป์ จะกระทบการส่งออกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้ขาดเงิน แต่ต้องตั้งคำถามให้ถูกว่าเรามีทรัพยากรอยู่ในมือเท่าไหร่ และงบ 3.78 ล้านล้านบาท เป็นเพียงเงินก้อนหนึ่งเท่านั้น ถ้าอยากให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติไปได้ รัฐบาลจะต้องบริหารเงินแผ่นดิน ที่อยู่ในหน่วยงานของรัฐทุกส่วนให้เป็น เช่น เงินในระบบรัฐวิสาหกิจ งบประมาณท้องถิ่น รวมแล้วจะทำให้รัฐบาลจะมีทรัพยากรในมือ 7-8 ล้านล้านบาท ต่อปี สิ่งที่ประเทสไทยขาดในตอนนี้ ไม่ใช่เงิน แต่เป็นวิธีการใช้เงินอย่างคุ้มค่า ซึ่งนายกฯ เป็นคนที่คุมสำนักงบ เมื่อท่านปล่อยให้ประเทศใช้งบ แบบไร้เป้าหมาย แบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราจึงต้องตั้งคำถามว่าประเทศไทย เรามีคนที่ทำหน้าที่ผู้นำรัฐบาล อยู่จริงหรือไม่ สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่วิกฤติทางการคลัง แต่เป็นวิกฤติทางการเมือง วิกฤติของสถาบันรัฐไทย ที่มีลักษณะการขูดรีด.-315 -สำนักข่าวไทย