“สุดารัตน์” หนุนมติฝ่ายค้านไม่รับหลักการงบฯ ปี 68

กทม. 22 มิ.ย.-“สุดารัตน์” หนุน มติฝ่ายค้านไม่รับหลักการงบฯปี 68 ชี้จัดงบฯ แบบเก่า ไม่ให้ความสำคัญการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ปฏิรูปการศึกษา การแก้ไขปัญหาความยากจน ตั้งฉายาว่าเป็นรัฐบาล “กู้ฉ่ำ กระเป๋าฉีก” แถมจัดงบส่อทุจริต และเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนพวกพ้อง


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ย้ำถึงจุดยืนที่ไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี 2568 เพราะเป็นการจัดงบที่ไม่ได้แตกต่างไปจาก การทำงบในยุครัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร จัดงบแบบเก่าเหมือนในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ให้ความสำคัญกับการทำโครงสร้างพื้นฐานเรื่องการคมนาคมถนนสะพาน ซึ่งจัดงบกว่าแสนล้าน เพื่อเอื้อ สส.พื้นที่ มากกว่าการพัฒนาโครงสร้างด้านเทคโนโลยี ที่จัดงบไว้เพียงหลักพันล้าน

ตามที่ผู้แทนพรรคไทยสร้างไทยคือ สส. ฐากร ตันฑสิทธิ์ ได้อภิปรายในสภา ว่ามีการกู้กว่า 800,000 ล้านบาท เพื่อชดเชยการตั้งงบขาดดุล ซึ่งกู้สูงสุดในรอบ 36 ปี โดยถมงบไปไว้ในส่วนของงบกลาง กว่า 800,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ทั้งที่คนในพรรคเพื่อไทยเคยด่าพลเอกประยุทธ์ ว่าเป็นนักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา


“นายฐากร อภิปราย ไว้แล้วว่าเป็นการจัดงบ ที่มีความสุ่มเสี่ยง จะขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการคลัง จนตั้งฉายาว่า เป็นรัฐบาล “กู้ฉ่ำ กระเป๋าฉีก” จัดงบซิกแซกไต่เส้นลวด กล้าฝืนจัดงบที่มีความเสี่ยง ต่อการสร้างความเสียหาย ต่อระบบเศรษฐกิจ กระทบวินัยการเงินการคลังของประเทศในระยะยาว ทั้งที่รัฐบาลทราบดีว่าการจัดเก็บรายได้พลาดเป้า มุ่งทำดิจิทัลวอลเล็ต โดยซ่อนงบกว่า 1.5 แสนล้านไว้ในส่วนของงบกลาง ซึ่งอาจขัดต่อพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ ปี 2561” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เมื่อมาดูรายละเอียดในการจัดงบเชิงยุทธศาสตร์พบว่า รัฐบาลยังให้ความสำคัญ กับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง เช่นเดียวกับรัฐบาลยุค คสช. โดยจัดงบในส่วนดังกล่าวไว้สูงถึง 4 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่ายุทธศาสตร์ด้านการสร้างความขีดสามารถในการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาทักษะที่รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ รวมถึงการพัฒนาทักษะและสามารถในการผลิตสินค้าที่โลกต้องการ

นอกจากนี้ยังพบว่างบยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ยังสูงกว่า งบยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโต บนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญต่อคุณภาพชีวิต และระบบเศรษฐกิจในปัจจุบัน


ขณะเดียวกันยังพบอีกว่าการจัดงบครั้งนี้ไม่ให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การปฏิรูปการศึกษา การแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ ละเลยการดูแล SMEs และสนับสนุนคนตัวเล็กให้ยืนอยู่บนขาของตัวเองได้อย่างยั่งยืน

หากนำมาเปรียบเทียบกับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่นงบซ่อมแซมถนน ปรับปรุงเส้นทางหรือปรับปรุงการก่อสร้างสะพานต่างๆ สูงถึงกว่าแสนล้าน เพิ่มขึ้นถึง 5.4% แต่งบในการพัฒนาศักยภาพของคนตัวเล็ก SMEs มีเพียง 4000 กว่าล้านเท่านั้น

ดังนั้นการจัดงบเช่นนี้ไม่ได้สร้างบริบทที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทย ให้ทันตโรคยุคใหม่ที่เป็นโลกแห่งเทคโนโลยี เป็นการจัดงบที่ไม่ดูทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก แต่ผู้มีอำนาจก็ยัง จัดงบแบบโบราณมุ่งเอาใจสส.พื้นที่ เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนพรรคพวก

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุด้วยว่า พรรคไทยสร้างไทย ไม่รับหลักการ เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ที่เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย สส.ชัชวาล แพทยาไทย อภิปรายชี้ให้เห็น ว่า การจัดงบปี 2561 เป็นการจัดงบที่ผิดฝาผิดตัว ไม่ตอบโจทย์เปิดช่องให้เกิดการทุจริตมากมาย เช่นในกองทัพอากาศตั้งงบจัดซื้อวิทยุสื่อสารแพงเกินจริง และเชื่อว่าเป็นฝีมือของไอ้โม่งคนเดิม ที่มีคดีทุจริตอยู่ในปปช. ขณะที่กองทัพเรือ ก็ประเคนการปรับปรุงเรือรบให้ต่างชาติ ทั้งที่ไทยทำเองได้ พรรคไทยสร้างไทยจึงเรียกร้องให้รัฐมนตรีกลาโหม สนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย เพื่อพึ่งพาตนเอง ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบการใช้งบ มีประสิทธิภาพโปร่งใสมากขึ้น.-315-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ป.ป.ส. รวบ 3 นักค้ายาเสพติดต่างชาติ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ป.ป.ส. รวบนักค้ายาเสพติดต่างชาติ 3 ราย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งออกไปอิตาลี-อังกฤษ เลขาฯ ป.ป.ส. เผยความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากการประสานงานใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ตรวจสอบตลาดปาล์มน้ำมัน หลังราคาพุ่ง

ช่วงนี้น้ำมันปาล์มตามท้องตลาดปรับราคาแพงขึ้น จากเดิมขวดละราว 10 บาท ทำให้ผู้บริโภคถึงกับโอดครวญ ขณะที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ระบุแม้ช่วงนี้ราคาปาล์มน้ำมันขายได้ราคาดีที่สุดในรอบหลายปี แต่เกษตรกรกลับไม่มีปาล์มขาย

ข่าวแนะนำ

เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อน

กระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค JTC ไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ตามแนว MOU 2544 ยืนยันไม่ทำให้เสียเกาะกูด

เข้าสู่ฤดูหนาว

อุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

กรมอุตุฯ ประกาศการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. โดยเป็นการเข้าสู่ฤดูหนาวช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีพายุก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกและเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ และยังมีฝนบางพื้นที่ ปีนี้จะหนาวกว่าปีที่แล้ว

ช้างพลายขุนเดช

ย้ายแล้ว “ช้างพลายขุนเดช” ไปสถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง

ย้ายแล้ว “ช้างพลายขุนเดช” สู่สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง จบดราม่า หลังฝากเลี้ยงที่มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่