ศูนย์ราชการ 16 มิ.ย.-“ช่อ พรรณิการ์” มาด้วย ร่วมสังเกตการณ์เลือก สว.กทม. ขอลุ้น สว.ประชาชน ผ่านเข้ารอบประเทศ ชี้ กทม. คนดังลงเยอะ-การแข่งขันสูง ไม่เป็นธรรมกับจังหวัดเล็ก ผู้สมัครน้อยกว่า รับหวั่นฮั้ว-ข้อมูลรั่ว หลังรอบแรกประวัติผู้สมัครหลุด 2 หมื่นคน บอกข้อมูลผู้สมัครถือเป็น “ขุมทรัพย์” อย่าทำกฎหมาย PDPA เป็นกระดาษทิชชูทิ้งลงถังขยะ
นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า เดินทางมาสังเกตการณ์เลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับจังหวัด (กทม.) ตั้งแต่ช่วงเช้า เวลา 07.30 น. โดยเปิดเผยว่า วันนี้มาสังเกตการเลือกตั้ง สว.ระดับจังหวัด ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นคนกรุงเทพฯ อย่างเดียว แต่ตนคิดว่า กรุงเทพฯ เป็นสมรภูมิที่สำคัญที่สุด ซึ่งมีการแข่งขันสูงที่สุด เยอะที่สุด เนื่องจากมีเขตอำเภอถึง 50 เขต หมายความว่า ผู้ที่จะตกรอบในการคัดเลือกระดับจังหวัดจะมีเยอะมาก
ส่วนอีกหนึ่งความสำคัญคือ ผู้สมัครในกรุงเทพมีความโดดเด่น และเป็นที่จับตามอง ดังนั้นวันนี้อาจจะได้เห็น บุคคลที่เราเห็นอยากเป็น สว.มาก ตกรอบ ส่วนตัววันนี้มาสังเกตการณ์ ในเมื่อรอบอำเภอเรียบร้อยดี รอบจังหวัดในวันนี้คนน้อยลง เจ้าหน้าที่สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นในการสังเกตการณ์ รูปแบบการจัดการ ตนคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร มีจุดเดียวที่ยังต้องสังเกตคือ จอมอนิเตอร์ เพราะในระดับอำเภอนั้นมองไม่เห็นอะไรเลย ก็หวังว่าเจ้าหน้าที่จะปรับปรุง
“ความสำคัญที่สุดในวันนี้ อยากให้ผู้สมัครที่เราเห็นเป็นสว.ของประชาชนได้จริงๆ ลุ้นผ่านเข้ารอบระดับจังหวังให้ได้ เพราะดิฉันเชื่อว่า รอบจังหวัดเป็นรอบที่ยากที่สุด ผู้สมัครที่มีโปรไฟล์ดี คงามสามารถโดดเด่น หากผ่านเข้ารอบนี้ไปได้ ดิฉันเชื่อว่า ก็จะสามารถฝ่าฟันจนเป็น สว.ได้”
เมื่อถามถึงหลายอำเภอที่มีการนับคะแนนใหม่ นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติในการ 900 กว่าอำเภอ แต่สิ่งที่เรากังวล คือในช่วง 3-4 วันมานี้ มีข่าวแพร่สะพัดว่า การจ่ายเงินหลัก 20,000-30,000 บาท ให้กับผู้สมัคร ถือเป็นพายุหมุนสำหรับ สว. ดังนั้นตนขอย้ำว่า ผู้ที่จ่ายเงินให้ ไปเลือกคนอื่น หรือไปเลือกใคร มีโทษจำคุก ส่วนผูที่แจ้งเบาะแสจะมีรางวัลนำจับหลักแสนบาท ซึ่งตนคิดว่าตอนเลือกสส.ก็มีรางวัลนำจับแบบนี้เช่นกัน แต่ไม่มีใครได้รับรางวัลเลย เพราะกลัวอิทธิพล ตนจึงอยากให้ Active Citizen จับตาการเลือก สว.ให้ได้มากที่สุด ตนเชื่อว่า จากรอบจังหวัดไปสู่ระดับประเทศ ค่าตัวก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีผู้สมัคร สว. เข้าไปรอในระดับประเทศแล้ว นางสาวพรรณิการ์ ยอมรับว่ามีอยู่จริง และบางส่วนเป็นคนที่ตนรู้จักด้วย แต่ไม่สามารถพูดชื่อได้ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเขานั้นมีตั๋ว แต่เป็นเพราะช่องโหว่ของระบบ ที่ให้แต่ละจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเล็กๆ ไม่มีการแข่งขันเลย ขอแค่มีคนโหวต 1 คะแนนก็เข้าไปรอระดับประเทศแล้ว ในขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯ แข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ
“ที่ผ่านมาในรอบอำเภอ หลายคนพูดออกมาชัดเจนว่า ให้น้องไม่ได้ เพราะของพี่มีโพยแล้ว เราจึงเห็นได้ชัดว่าเป็นลักษณะการจัดตั้ง จากกลุ่มการเมืองใหญ่มีอยู่จริง แต่ไม่เป็นไร เราก็ทำอย่างดีที่สุด ให้ผู้สมัครที่เป็นตัวแทนของประชาชนเข้าไปเจือจาง”
นางสาวพรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ตนเองชื่นใจที่เห็นประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณา คดีข้อกฎหมายที่ได้มาของสวจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตนคิดว่า ไม่มีความเสี่ยงมากถึงขั้นล้มกระบวนการ คิดว่าศาลรัฐธรรมนูญมีการชั่งน้ำหนักมาเป็นอย่างดี ว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้นเยอะขนาดไหน แม้ว่า กฎระเบียบจะขัดต่อรัฐธรรมนูญจริง ก็สามารถตัดสินในรูปแบบอื่นได้ และอาจจะไม่ได้ทำให้การเลือก สว.ระดับอำเภอ และระดับจังหวัดเป็นโมฆะ ตนคิดว่าศาลคำนึงว่ามีความเสียหายอย่างไร
เมื่อถามว่าการเลือกสว.ระดับอำเภอมีข้อมูลผู้สมัครหลุดออกมามองอย่างไร นางสาวพรรณิการ์ตอบว่า เป็นเรื่องปกติที่ไม่ควรยอมรับ จริงๆแล้วมีข้อมูลผู้สมัครหลุดลอดออกมาตลอด และหากมีเส้นสายดีพอกับข้าราชการ ก็จะได้มาซึ่งข้อมูลอย่างนี้ ตนคิดว่า กฎหมาย PDPA อย่าทำให้กลายเป็นกระดาษทิชชูทิ้งลงถังขยะ ตนคิดว่า เป็นเรื่องปกตินานไปแล้ว ที่คนที่เข้าถึงเส้นสาย เข้าถึงข้อมูลต่างๆได้มากกว่าประชาชนทั่วไป และนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ ข้อมูลผู้สมัคร สว. ตนพูดได้เลยว่า เป็นขุมทรัพย์ จึงคิดว่าเป็นปัญหาสำคัญ เนื่องจากเป็นระบบปิด.-313.-สำนักข่าวไทย