กรุงเทพฯ 10 พ.ค. – “อัครเดช” ติงรัฐใช้เวลาดับเพลิงนาน หลังเกิดเหตุไฟไหม้บ่อย แนะปรับปรุงประสิทธิภาพหน่วยงานดับเพลิงให้มีความพร้อม 100% ด้าน กมธ.อุตฯ นัดหารือหน่วยงานดับเพลิง 15 พ.ค.นี้ พร้อมชื่นชม “พีระพันธุ์” มีแผนรองรับพลังงาน จากเหตุไฟไหม้มาบตาพุดแทงค์ อย่างชัดเจนและรวดเร็ว สร้างความมั่นใจนักลงทุนและประชาชน
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม และ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีการเกิดไฟไหม้โรงงานในพื้นที่ต่างๆ ว่าทางคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรมรู้สึกช่วงนี้เกิดไฟไหม้ขึ้นบ่อย ซึ่งอาจจะเป็นอุบัติเหตุ แต่สิ่งที่เป็นข้อสังเกตคือประสิทธิภาพหรือความพร้อมของหน่วยงานดับเพลิง ซึ่งเท่าที่ทราบต้องมีการทบทวนหรือปรับปรุงประสิทธิภาพในการดับเพลิง เพราะทุกครั้งหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาหลังจากเกิดเหตุจะทราบว่าหน่วยงานดับเพลิงยังมีความไม่พร้อม ทำให้ในขณะเกิดเหตุการควบคุมเพลิงในหลายๆ กรณีที่ผ่านมามีปัญหาอุปสรรค ทั้งเรื่องอุปกรณ์ น้ำยาเคมี บุคลากร งบประมาณ แผนเผชิญเหตุที่ยังไม่มีความพร้อม 100% ส่งผลให้ระยะเวลาในการควบคุมเพลิงมีระยะเวลายาวนานกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งจะทำให้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนและสิ่งแวดล้อม แต่ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ดับเพลิงทุกท่าน โดยความไม่พร้อมต่างๆ เป็นเรื่องที่ผู้ที่เกี่ยวข้องระดับบริหารควรจะต้องรับมาปรับปรุงอย่างเร่งด่วน เนื่องจากในอนาคตกากมีเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานอีกจะได้ใช้ระยะเวลาในการควบคุมเพลิงได้รวดเร็วขึ้น โดยวันที่ 15 พ.ค.นี้ ทางกรรมาธิการอุตสาหกรรมได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดับเพลิงโรงงานอุตสาหกรรมมาหารือในประเด็นนี้ด้วย
นายอัครเดช ยังกล่าวถึงกรณีไฟไหม้บริษัท มาบตาพุดแทงค์ เทอร์มินอล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ว่าขอชื่นชมในส่วนของกระทรวงพลังงาน โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ได้มีแผนรองรับในการดูแลเรื่องของพลังงานอย่างรวดเร็ว มีการตั้งวอร์รูม และมีมอบหมายสั่งการบุคคลและมีแผนฉุกเฉินในการรองรับสถานการณ์ของพลังงานไม่ให้เกิดผลกระทบในเรื่องของกระแสไฟฟ้าและการจ่ายก๊าซอย่างชัดเจนและรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในเรื่องของพลังงาน ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและพี่น้องประชาชน ซึ่งต้องถือว่าเป็นสิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานทำได้อย่างรวดเร็วและสามารถจะแก้ปัญหาทางด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ.-312-สำนักข่าวไทย