fbpx

ก้าวไกล ชี้ 3 ความเสี่ยง “ดิจิทัลวอลเล็ต”หาก รบ.เดินหน้าต่อ

รัฐสภา 18 เม.ย.-สส.ก้าวไกล ชี้ 3 ความเสี่ยง “ดิจิทัลวอลเล็ต” หากรัฐบาลยังดันต่อ ขาดประสิทธิภาพรับมือวิกฤตอนาคต-หมดโอกาสยกระดับชนชั้นกลาง-เสี่ยงทุจริตคอร์รัปชัน


นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลยืนยันเดินหน้าดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นผู้บริหารธนาคารในระดับอาเซียน  รู้สึกเป็นห่วงท่าทีรัฐบาลในโครงการนี้ จึงขอเตือนไปยังรัฐบาลในความเสี่ยง 3 เรื่องที่จะเกิดขึ้น ความเสี่ยงเรื่องแรกคือ การเตรียมตัวรับวิกฤตในอนาคต ซึ่งถ้าโลกเกิดวิกฤตจากความไม่สงบจนกระทบเศรษฐกิจในระดับโลก หรือหากเกิดภัยธรรมชาติรุนแรงในประเทศ เช่น ปี 2554  ประเทศจะประสบกับความยากลำบากในการเผชิญกับวิกฤต มองว่าเราใช้จ่ายเงินเกินตัว ถ้ามีการแจกเงิน 5 แสนล้านบาทตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว แต่เศรษฐกิจของไทยไม่ได้เติบโตตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้หรือเติบโตน้อย ความเสี่ยงของประเทศไทยในการรับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลกหรือภูมิภาคที่อาจจะเกิดขึ้นจะทำได้ยาก  รัฐบาลคงจะคาดหวังจากการเก็บภาษีมาเป็นรายได้ เพื่อรองรับวิกฤตเศรษฐกิจในอนาคตไม่ได้

“หากเรามา ดูตัวเลขรายได้ของประเทศจากภาษี ประเทศไทยมีรายได้จากเก็บภาษีราว 13.7% เมื่อเทียบกับจีดีพี ซึ่งน้อยมากเพราะลดลงกว่าเมื่อก่อนที่อยู่ราว 17% ของจีดีพี เมื่อเทียบกับในประเทศพัฒนาแล้ว มีการเก็บภาษีได้ราว 35% ของจีดีพี  ดังนั้น จึงถือเป็นความเสี่ยงมากขึ้นของประเทศในการรับมือกับวิกฤตในอนาคต พูดง่ายๆ คือ เราใช้จ่ายเกินตัว แต่มีรายได้ต่ำ” นายจุลพงศ์ กล่าว


นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า ความเสี่ยงเรื่องที่สอง คือการขาดงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากของรัฐบาล เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรและคนชั้นกลาง คนยากจน และการช่วยเหลือเอสเอ็มอี หากเราไม่สามารถยกระดับเกษตรกรและคนยากจนขึ้นมาเป็นคนชั้นกลางได้ ประเทศไทยก็ไม่มีทางที่จะขับเคลื่อนด้วยคนชั้นกลางเหมือนประเทศอื่นๆ ที่เขาสามารถข้ามกับดักรายได้ปานกลางได้ และหากไม่สามารถเพิ่มสัดส่วนเอสเอ็มอีในจีดีพีให้มากขึ้น ประเทศไทยก็เดินหน้าต่อได้ยาก

“หากเป้าหมายของการแจกเงิน 5 แสนล้านบาทไม่สำเร็จ คือเศรษฐกิจไม่โตตามที่รัฐบาลคาดไว้ รัฐบาลนี้หรือรัฐบาลชุดหน้าก็จะไม่มีเงินมากพอที่จะดูแลคนยากจนและเกษตรกรได้ทั่วถึงอีกต่อไป ดูตัวอย่างง่ายๆ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อปลายปีที่แล้ว  พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศไทยมีหนี้โดยเฉลี่ย 450,000 บาทต่อครัวเรือน ดังนั้น การแจกเงินตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตคนละ 10,000 บาท โดยห้ามไม่ให้ใช้ในการชำระหนี้ คงไม่ได้ช่วยเกษตรกร”นายจุลพงศ์ กล่าว

นายจุลพงศ์ กล่าวว่าความเสี่ยงเรื่องสุดท้ายคือการทุจริตคอร์รัปชัน ที่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของไทยยังมีช่องว่างเยอะมาก เช่น การจัดทำซุปเปอร์แอป ซึ่งรัฐบาลเพิ่งจะบอกว่าจะสร้างขึ้นใหม่นั้น ใครจะเป็นจัดทำ หากจะให้เอกชนเข้ามาทำ มีการจัดจ้างแล้วหรือไม่ ในเมื่อจะลงทะเบียนผู้ค้าในไตรมาส 3 คือเริ่มเดือนกรกฎาคมแล้ว หรือถ้ามีแล้ว ผ่านการประกวดราคาเมื่อใด  ระบบบล็อกเชนที่อ้างว่าจะใช้นั้นไม่มีคนกลาง เราตรวจสอบไม่ได้ว่าใครทำอะไร แล้วระบบที่รัฐบาลจะมาใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น จะตรวจสอบได้หรือไม่ ความเสี่ยงการเกิดคอร์รัปชันจึงเป็นเดิมพันที่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ


นายจุลพงศ์ กล่าวว่า ชาวบ้านฝากมาถาม ว่ารัฐบาลกำหนดว่าคนที่ได้รับเงินต้องมีรายได้ต่ำกว่า 70,000 บาทต่อเดือน ตัวเลขนี้มาจากไหน เราไม่เคยได้รับการอธิบายจากรัฐบาลเลย แล้วไม่รู้จะเปลี่ยนต่อไปอีกหรือไม่ ทำไมคนที่มีรายได้เกิน 70,000 บาท ต้องมารับจ่ายหนี้

เมื่อถามว่า ในเงื่อนไขของรัฐบาล มีข้อสังเกตอะไรบ้าง นายจุลพงศ์ กล่าวว่า รัฐบาลเปลี่ยนเงื่อนมาโดยตลอด และในที่สุด เราก็ไม่รู้จะเปลี่ยนเงื่อนไขอีกหรือไม่ ตนกังวลว่าเงื่อนไขที่ออกมานั้น ร้านหาบเร่แผงลอยจะไม่ได้รับเหมือนตอนสมัยโครงการคนละครึ่ง

ส่วนเงื่อนไขล่าสุดบอกได้หรือไม่ว่าโครงการนี้เอื้อนายทุน นายจุลพงศ์ กล่าวว่า ทำให้โอกาสของร้านค้าขนาดเล็กที่มีน้อยอยู่แล้ว ตัดโอกาสลงไปมากขึ้น ตนไม่ขอพูดว่าเอื้อใคร เราควรจะดูร้านค้าขนาดเล็ก เมื่อวานตนผ่านร้านค้าขนาดเล็ก เห็นมีคิวอาร์โค้ดห้อยอยู่ แต่เราจะไม่เห็นแบบนี้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้อพยพจากไทยคว้าแจ็กพอตเพาเวอร์บอล

ผู้อพยพจากไทยไปใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐดวงเฮง คว้ารางวัลแจ็กพอตลอตเตอรี่เพาเวอร์บอล ได้เงินรางวัลสูงถึง 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“ซูเปอร์โพล” เผยผลสำรวจสเปก “ผบ.ตร.คนใหม่” ต้องซื่อสัตย์สุจริต

“ซูเปอร์โพล” เผยผลสำรวจสเปก “ผบ.ตร.คนใหม่” ต้องซื่อสัตย์สุจริต ชี้ประชาชนเบื่อมากข่าวนายตำรวจระดับสูง ควรเร่งทำงานสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน

นายกฯ บอกขอโทษ “ปานปรีย์” แล้ว ไม่ขัดแย้ง

นายกฯ เผยขอโทษ “ปานปรีย์” แล้วหลังหลุดรองนายกฯ รับมีทั้งคนพอใจ ไม่พอใจ ยันสัมพันธ์ลูกเป็นเพื่อนกัน ไม่ขัดแย้ง เชื่อคนใหม่สานต่องานได้  

“ปานปรีย์” รับยื่นลาออก หลังถูกปรับพ้นรองนายกฯ

“ปานปรีย์” ยอมรับยื่นลาออก หลังถูกปรับออกจากรองนายกฯ ชี้หากไม่มีตำแหน่งพ่วงอาจทำงานไม่ราบรื่น ลั่นหากมีคนอื่นเหมาะสมกว่าให้มาทำงานแทน

ข่าวแนะนำ

เศร้ารับวันแรงงาน! โรงงานประกาศปิดกิจการกะทันหัน

พนักงานโรงงานผลิตกระจกเก่าแก่ใน อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสวัสดิการฯ จ.สมุทรปราการ ให้นายจ้างจ่ายชดเชยตามกฎหมาย หลังโรงงานติดประกาศปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด

แรงงานทั่วไทยเดินขบวนเรียกร้องสิทธิจากรัฐบาล

วันที่ 1 พ.ค. ของทุกปี เป็นวันสำคัญของผู้ใช้แรงงานทั่วโลก สำหรับประเทศไทยในปีนี้ มีการจัดกิจกรรมเสนอข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลหลายจุด โดยพื้นที่หลักอยู่ที่ตลอดแนวถนนราชดำเนิน และลานคนเมือง

โปรดเกล้าฯ “มาริษ” รมว.กต.คนใหม่

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้ง “มาริษ” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ แทน “ปานปรีย์” ที่ลาออกจากตำแหน่ง มีผลทันที

นายกฯ ย้ำไม่ลืมคำมั่นเพิ่มค่าแรง ชี้ต้องเพียงพอดำรงชีวิต

เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความไม่ลืมคำมั่นเพิ่มเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำ ย้ำเงินเดือนต้องเพียงพอในการดำรงชีวิต