ก้าวไกลจี้ “สุทิน” แจงเหตุร.ล.สุโขทัยล่ม

รัฐสภา 4 เม.ย.-“จิรัฏฐ์” ระบุ ตามจับ “ปาหี่” กองทัพเรือในสภาฯ ทวงถามคืบหน้าสาเหตุเรือหลวงสุโขทัยล่ม ติง “สุทิน” จะอยู่ข้างผู้มีอำนาจหรือดวงวิญญาณคนตาย เหยียบเรือสองแคมไม่ได้


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม เป็นการอภิปรายของฝ่ายค้านเกี่ยวกับเรื่องการทหาร โดยพุ่งเป้าไปที่นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการการทหาร เริ่มต้นอภิปรายเชิงเหน็บแนมว่า มาหา “ปาหี่” เป็นปลาชนิดหนึ่ง พบเจอได้แถวอ่าวไทย 19 ไมล์ทะเล ที่ความลึก 40 เมตร จุดเดียวกันกับเรือสุโขทัยอับปาง การจับไม่ง่าย ถ้าจะจับต้องจับที่สภาฯ  ตนอภิปรายเตือนนายสุทินไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่นำพา เคยถึงขั้นท้าทายเรื่องการตรวจสอบสาเหตุเรือหลวงสุโขทัยล่มก็ไม่คืบหน้า ประชาชนไม่ได้สนุกด้วย ความคืบหน้าล่าสุดคือมีกองทัพอเมริกาเข้ามาช่วยปลดอาวุธเพื่อไม่ให้ความลับรั่วไหล ตามข้อตกลงในสัญญาซื้อขาย ซึ่งมีกองทัพเรือดำน้ำไปด้วย เพื่อถ่ายภาพเป็นหลักฐานประกอบการสอบสวนหาสาเหตุ

“ผมก็อยากเห็นปาหี่ หน้าตาเป็นยังไง จะเอาขึ้นมาสักตัวหรือไม่ จนกระทั่งจบภารกิจ 19 วัน ไม่เอาขึ้นมาสักตัวเลย ท่านผบ. กองเรือยุทธการ ตั้งโต๊ะแถลงผลงานต่อสื่อมวลชนกลางทะเล ไม่รู้ว่าจะเรียกปาหี่หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ผมเจอแล้ว ปาหี่ตัวเบ้อเริ่ม ซ่อนอยู่ในคำแถลงของท่าน” นายจิรัฏฐ์ กล่าว


นายจิรัฏฐ์ ตั้งคำถามว่า ทำไมเรือรบบรรจุน้ำมันได้เป็นแสนลิตรล่ม แต่ไม่มีน้ำมันรั่วไหล นอกจากนี้ผลการเก็บกู้วัตถุพยานต่าง ๆ พบว่าไม่มีประโยชน์ มีเสื้อชูชีพที่ไม่รู้จะเอาขึ้นมาทำไม ขณะที่ภารกิจดำน้ำลงไปเอาสิ่งของมาทำเป็นอนุสรณ์สถาน เช่น ป้ายชื่อ ระฆังเรือ ธงผืนใหญ่ เอามาได้ครบเซ็ต ซึ่งนำมาใช้ประโยชน์ไม่ได้ ในการแถลงของ ผบ.กองเรือยุทธการ บอกว่าถ่ายภาพครบถ้วน 58 จุด โดยย้ำว่าไม่จำเป็นต้องกู้เรือขึ้นมา คำถามคือ ทำไมก่อนหน้านี้ถึงสรุปไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้ภาพมาหมดแล้ว

นายจิรัฏฐ์ กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ขอโฆษกกองทัพเรือเมื่อเดือน ก.พ. 2566 ที่มีนักข่าวถามว่า ได้ภาพถ่ายเรือแล้วจะต้องกู้เรือให้เปลืองงบอีกหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นโฆษกกองทัพเรือตอบว่าเรืออยู่ฝังในดินลึก 1 เมตร เราได้ภาพถ่ายใต้น้ำ ซึ่งยังมองไม่ชัด ต้องกู้เรือก่อนถึงจะสรุปได้ แล้ววันนี้ได้ดำดินลงไปถ่ายใต้ท้องเรือหรือไม่ ทำไมวันนั้นสรุปไม่ได้ แต่วันนี้กลับสรุปได้

“ทุกคนรู้แล้วว่าจะไม่กู้ตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องรอถึง 15 เดือน ขอให้ทำให้เนียน อย่าให้ประเจิดประเจ้อ คนเขาจะหาว่าเล่นปาหี่ ที่ผ่านมากองทัพเรือระบุว่าไม่มีบริษัทไหนผ่านคุณสมบัติประมูลกู้เรือ แต่หากไปดูตามเอกสารมีถึง 4 บริษัทที่มีคุณสมบัติครบตามเอกสารราชการ นอกจากนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวไปถามนายสุทินกลับอ้างข้อตกลงของอเมริกา ซึ่งกองทัพเรือฝืนมา 14 เดือนแล้ว ไปเปิดประมูลเอง โดยไม่แจ้งอเมริกาก่อน ทำให้ทางอเมริกาต้องส่งจดหมายเตือน แต่ไม่ได้รับการตอบกลับจากทางการไทย” นายจิรัฏฐ์ กล่าว


นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า เล่นปาหี่กัน แล้วพอช่วงฤดูงบประมาณ ก็มาของบ บอกว่างบไม่พอใช้ทุกปี กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงท่านสอบปากคำผู้รอดชีวิตแล้วทุกคนหรือไม่ ไม่รู้บ้างหรือว่าบางคนเอาชีวิตรอดมาได้โดยการเกาะศพเพื่อน 3-4 ชั่วโมงกลางทะเล เพื่อรอคนมาช่วย เนื่องจากเพื่อนสวมเสื้อชูชีพอยู่

“บางคนเห็นเพื่อนรักตัวเองแขนขาดน้ำลายฟูมปากตายต่อหน้าต่อตา ก็ทำอะไรไม่ได้ บางคนยอมปล่อยมือ ผลักเพื่อนรักตัวเอง เพื่อจะเอาชีวิตรอด บางคนอยู่ในจุดที่ปลอดภัยแล้ว ยังดึงดันกลับไปช่วยคนอื่น หลายคนเป็นทหารจับใบแดงมา เพิ่งได้มาอยู่ชายฝั่ง กลับไม่ถูกสั่งขึ้นเรือกะทันหัน และเป็นการขึ้นเรือครั้งแรกของเขา โดยไม่รู้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต พวกท่านจะกล้าเล่นปาหี่บนความตายหรือ ถ้าถามว่าทำไมกองทัพเรือไม่พยายามหาข้อพิสูจน์ เชื่อว่าทุกคนตอบได้ เพราะถ้าปรากฏขึ้นมาจะ “ฉิบหาย” กันถ้วนหน้าผมจึงอยากถามนายสุทินก่อนที่จะแถลง เลิกอ้างการซ้อมรบ เพราะการออกเรือครั้งนี้เป็นการไปงานเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรอย่างเดียวเท่านั้น นี่เป็นความรับผิดชอบของกองเรือยุทธการเตรียมความพร้อม” นายจิรัฏฐ์ กล่าว

นายจิรัฏฐ์  กล่าวว่า การล่มของเรือมาจาก 2 สาเหตุ คือซ่อมแซมเรือก่อนออกไป กรมอู่ทหารเรือต้องตอบคำถามเรื่องนี้ และเติมน้ำมันน้อยไป ทำให้เรือโคลงเคลง กองเรือภาคที่ 1 กรมอู่ทหารเรือ ต้องตอบคำถามให้ได้ เหตุการณ์นี้เป็นเรือรบลำแรกของโลกที่ล่มเพราะเจอคลื่น

“ทำไมผู้การเรือสุโขทัย ยกเลิกการเข้าอ่าวบางสะพาน มีไอ้โม่งคนไหน ถ้าไม่ใช่คำสั่งคนใหญ่โตจะเป็นใคร ที่ทำได้โดยไม่มีบันทึกสั่งการ ผมคิดว่าหาไม่ยาก เป็นการปล่อยประละเลยไม่ได้ห่วงชีวิตคนอื่น เราเคยหวังว่าจะได้ความจริงจากผู้รอดชีวิต เริ่มมีคนไปสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิต พอเขาตอบว่าไม่มีเสื้อชูชีพเท่านั้น หลังจากนั้นก็โดนสั่งปิดปาก หายตัวไปตลอดกาล ไม่มีใครได้เจอผู้รอดชีวิตอีกเลย 76 คน เราเคยหวังว่าจะพึ่งการกู้ซากเรือ เศษเหล็กมันไม่ “ตอแหล” แต่มันก็ไม่ขึ้นมาจากน้ำ เราเคยหวังว่าจะได้เห็นศักดิ์ศรีของลูกประดู่ แต่ก็ไม่เกิดขึ้น หันไปถามนายกฯ ได้ไหมครับท่านสุทิน ว่าทำอย่างไร บิ๊ก ต. บิ๊ก จ. ในเมื่อห่วงว่าจะมายุ่งกระบวนการสอบสวน ท่านก็เด้งเขาไม่ใช่หรือ ท่านก็ทำแบบนี้ได้ เพราะตร.กับทร. ก็คงไม่ได้ต่างกัน ท่านเหยียบเรือ 2 แคมไม่ได้ ต้องเลือกระหว่างผู้มีอำนาจกับดวงวิญญาณผู้เสียชีวิต” นายจิรัฏฐ์ กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย