กลาโหม 21 มี.ค. – “สุทิน” ระบุ ไม่แปลก หาก ทร.จะน้อยใจ ไม่ได้เรือฟริเกต ยัน อังคารหน้า ดันงบ 68 เข้า ครม. ระบุ กห.ถูกตัดงบมากที่สุด มองอีกมุมสังคมจะได้เห็นว่างบทหารก็ตัดได้
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหมถึงเรื่องการบริหารจัดการงบประมาณให้ทันในช่วงเวลาที่เหลือ ว่า ได้ให้กำลังใจทางกองทัพเรือ ในส่วนของการถูกตัดเรือฟริเกต ก็ไม่เป็นไร เพราะรัฐบาลเป็นห่วงกลัวจะบริหารจัดการไม่ทัน ก็พยายามจัดให้ตามแผน แต่อาจจะช้าหน่อย ไม่ให้กระทบภารกิจของกองทัพเรือ สำหรับงบประมาณปี 2568 ตนจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ 26 มี.ค. นี้ ล่าช้าเล็กน้อย ซึ่งตนได้คุยกับทางสำนักงบประมาณแล้ว ว่าสามารถปรับเปลี่ยนได้ทัน ไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า ได้ติดตามการอภิปรายงบประมาณวาระ 2-3 หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ตนเสียดายวานนี้ (20 มี.ค.) มีภารกิจเยอะมาก ตั้งแต่เช้าถึงเย็น และคาดหมายผิดว่ามาตรา 8 จะเข้าในที่ประชุมสภาฯในช่วงค่ำ แต่มาเร็วกว่ากำหนด ซึ่งเป็นช่วงที่ตนติดภารกิจอยู่ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ. แต่ก็มีคณะทำงาน นั่งมอนิเตอร์อยู่ ถึงแม้ตนจะอยู่ในที่ประชุมสภา เราก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรมากได้ เพราะเป็นเรื่องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ ซึ่งหากสภามีข้อข้องใจ สอบถามทางคณะกรรมาธิการก็ตอบ เราเป็นรัฐมนตรี อยู่ที่นั้นก็ตอบไม่ได้ หรือไม่จำเป็นก็ไม่ตอบ
เมื่อถามว่า งบประมาณของกระทรวงกลาโหม ถูกตัดมากที่สุด จะกระทบต่อความมั่นคงที่ดูแลอยู่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ก็มีกระทบบ้าง แต่เราก็ต้องปรับตัว ให้อยู่ได้ ทำได้ และให้เดินไปได้ แต่ถ้าเพิ่มงบประมาณให้เราก็ไม่มีปัญหา สังคมจะได้เปลี่ยนความคิดว่า งบประมาณทหารก็ตัดได้ไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า ได้ทำความเข้าใจกับทางกองทัพเรือ หรือไม่ เพราะดูเหมือนกองทัพเรืออาจจะน้อยใจ เรื่องเรือฟริเกต ว่าไม่ได้ตั้งตัวมาก่อนว่าจะถูกตัดงบฯ นายสุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ที่คาดหวังว่าจะได้แล้วไม่ได้ แม้ว่าเราจะบอกว่ามีโอกาสได้ แต่ความมั่นใจมันไม่เกิด ซึ่งตรงนี้ตนก็ต้องทำให้เขามั่นใจ
ด้านพล.ร.ต.ธนิตพงศ์ สิริเศวตศักดิ์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหมในเรื่อง การเร่งรัดการเบิกจ่ายและการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปี 2567 ว่า เพื่อเป็นการเร่งรัดสนับสนุนให้มีเม็ดเงินจากการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณพ.ศ.2567 ของภาครัฐ ให้ลงสู่ระบบเศรษฐกิจรวดเร็วขึ้น และสามารถสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนระดับต่างๆ จึงขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพถือปฏิบัติตามมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่าย และการใช้จ่ายงบประมาณต่างๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบและกระทรวงการคลังได้มีหนังสือ โดยรวมก็ขอให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใสและอย่าให้สังคมมากล่าวหากองทัพได้.-313.-สำนักข่าวไทย