รัฐสภา 6 มี.ค.-“พิเชษฐ์” เตรียมเรียกวิป 3 ฝ่ายถกแก้ปัญหา รอนายกฯ ลงนามร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน หลังสส.เพื่อไทย ไล่ “หมออ๋อง” ลาออกรองประธานสภา ฯ กรณีบุกทำเนียบฯ ชี้ต้องแยกอำนาจนิติบัญญัติ-บริหาร ไม่ก้าวล่วงกัน
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรช่วงเช้าวันนี้ (6 มี.ค.) นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีวาระเพื่อพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติแรงงาน โดยก่อนการพิจารณาร่างกฎหมาย นายชัยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยได้ลุกขึ้นหารือการทำหน้าที่ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ไปทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของนายปดิพัทธ์ ที่ถือเป็นตัวแทนประมุขฝ่ายนิติบัญญัติแล้วำไปบุกทำเนียบรัฐบาล ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดอำนาจหน้าที่ให้ดำเนินกิจการของสภาให้เป็นไปตามข้อบังคับ วางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่
“แต่จากการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และไม่สมควร แม้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และย้อนถามกลับถึงการกระทำของนายปดิพัทธ์ว่า ไม่เหมาะสมตรงไหน แต่ผมมองว่านี่คือเกียรติยศและศักดิ์ศรีของสส. ซึ่งรัฐธรรมนูญได้แบ่งแยกอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ไม่ก้าวล่วงกัน แต่ตัวแทนประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ กลับบุกฝ่ายบริหาร เพื่อทวงถามร่างกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน” นายชัยวัฒนา กล่าว
ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงนายชัยวัฒนา โดยระบุว่า นายชัยวัฒนาเห็นว่านายปดิพัทธ์ใช้อำนาล้นเกิน หรืออาจมีองค์กรอิสระอื่นใช้อำนาจล้นเกินสภาฯ ก็ขอให้เสนอเป็นญัตติเพื่อให้ สส.ได้ช่วยกันพิจารณา หากเป็นเช่นนั้นจะอภิปรายทั้งวันก็ได้ ยินดี และผมไม่ชอบที่จะกล่าวว่าใครอยู่มาก่อน หรือใครอยู่มาหลัง เพราะประชาชน จะเป็นคนตัดสิน ก่อนที่นายพิเชษฐ์ จะระบุว่า เมื่อนายปดิพัทธ์ ขึ้นมาทำหน้าที่แล้ว จะได้มาชี้แจงประเด็นดังกล่าวต่อที่ประชุม
นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม.พรรคก้าวไกล ได้ขอลุกขึ้นหารือถึงการทำหน้าที่ของนายปดิพัทธ์ ว่า เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เพื่อติดตามร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงินให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วพอสมควร ไม่ใช่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป 6-7 เดือน เพราะสส.เป็นผู้เสนอกฎหมาย ดังนั้น การทำหน้าที่ของนายปดิพัทธ์ จึงเป็นหน้าที่ที่พึงกระทำ และไม่ควรตำหนิว่า เป็นการกระทำที่ไม่ชอบโดยรัฐธรรมนูญ หรือหากสส.ต้องการให้ศึกษาอำนาจหน้าที่การทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร องค์กรอิสระ หรือตุลาการอื่นว่า อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นเพียงองค์กรเดียวที่ประชาชนเป็นผู้เลือกตั้ง
ทำให้นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ยอมรับว่า ตนชื่นชมการทำหน้าที่ของนายปดิพัทธ์ และมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่การเสนอกฎหมาย เช่น ร่างพระราชบัญญัติไร่อ้อย และน้ำตาล ที่ตนเสนอปี 2562 แต่กว่าที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีจะลงนามเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เพราะเป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ซึ่งระหว่างที่นายธีระชัย กำลังอภิปรายอยู่นั้น นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วง และให้นายพิเชษฐ์ ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม เดินหน้าเข้าสู่วาระการประชุม เพื่อไม่ให้เป็นการเตะถ่วงร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
ทำให้นายธีระชัย ไม่พอใจ และเรียกร้องให้นายปดิพัทธ์ลาออก เพื่อรักษาศักดิ์ศรี เข้าตามตรอก ออกตามประตู ให้ได้รับการต้อนรับอย่างดีในการประสานงาน เพราะการไปทำเนียบฯ ดังกล่าว เป็นการโคจรไป ไม่มีใครมาต้อนรับ ก่อนที่นายประเสริฐพงษ์ จะลุกขึ้นประท้วงอีกครั้ง จนทำให้นายธีระชัย ไม่พอใจ แม้นายพิเชษฐ์ จะปิดไมโครโฟนแล้ว ก็ยังตะโกนลั่น ก่อนที่นายพิเชษฐ์ จะเรียกเจ้าหน้าที่สภาและสั่งให้นายธีระชัย หยุดการอภิปรายและนั่งลง เพื่อเดินหน้าเข้าสู่การประชุมตามปกติ
นายพิเชษฐ์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า สัปดาห์หน้าจะเรียกประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) และผู้แทนคณะรัฐมนตรีหารือร่วมกัน เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ที่รอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน พร้อมยืนยันว่า การทำหน้าที่ของรองประธานสภาผู้แทนราษฎรแต่ละคน แล้วแต่ดุลยพินิจของประธาน และรัฐบาล หลังสส.พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นอภิปราย แสดงความไม่พอใจต่อการทำหน้าที่ของนายปดิพัทธ์กรณีเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงถามนายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามร่างกฏหมายการเงินที่ค้างอยู่.-316.-สำนักข่าวไทย