รัฐสภา 29 ก.พ.-กมธ.ตปท.หารือปมพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ย้ำเจรจาตามกรอบ MOU 2544 ยึดผลประโยชน์ประเทศ เผย กต.ยัน MOU 44 ไม่ได้เป็นการยอมรับเส้นเขตแดนของกัมพูชา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรรมาธิการการ(กมธ.)ต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายนพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมาธิการการ(กมธ.) ต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานประชุม ที่ประชุมหารือเรื่องพื้นที่ทับช้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (OCA) เพื่อดิดตามความคืบหน้าการเจรจา โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพลังงาน สภาความมั่นคงแห่งชาติ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรมเอเชียตะวันออก กรมแผนที่ทหาร บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโดรเลียม จำกัด (มหาชน) สภาหอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมาให้ข้อมูล
นายนพดล เปิดเผยว่า กมธ.ทราบจากกระทรวงการต่างประเทศว่า กรอบเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลได้ขีดตาม MOU 2544 ที่เป็นเครื่องมือนำไปสู่การเจรจา โดยไทยจะไม่เสียประโยชน์ ซึ่งตาม MOU 44 การเจรจาประเด็นเรื่องพื้นที่ทับช้อนทางทะเลและเรื่องเขตพัฒนาร่วม จะต้องเจรจาควบคู่กันไป แยกกันไม่ได้ การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา เป็นเรื่องของรัฐบาล ที่ต้องกระทำผ่านกลไกคณะกรรมการร่วมมือค้านเทคนิคไทย-กัมพูชา หรือเจทีชี ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการเจรจาระหว่างสองประเทศ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ด้านความมั่นคง และอื่นๆ สามารถเชื่อมั่นได้ว่า
“หน่วยงานรับผิดชอบจะมุ่งรักษาประ โยชน์ของประเทศเป็นหลักและไม่เสียสิทธิค้านเขตแดน ตามที่มีการบิดเบือนในสื่อต่าง ๆ ขณะนี้ ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการเจทีซี จึงยังไม่มีการเจรจาอย่างเป็นทางการ ดังนั้น ที่เสนอข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้หารือประเด็นผลพื้นที่ทับซ้อนกับสมเด็จฯ ฮุน เซน จึงไม่เป็นความจริง ส่วนประเด็นเกาะกูด ประเทศไทยยึดถือว่าเกาะกูดเป็นของไทยMOU 44 ไม่ได้ยอมรับเส้นเขตแดนทางทะเลที่ลากโดยกัมพูชา ซึ่งแตกต่างจากเส้นที่ลากโดยไทย ดังนั้น จึงต้องเจรจาเรื่องเส้นเขตแดนทางทะเลต่อไป ที่มีการบิดเบือนว่า MOU 44 เป็นการยอมรับเส้นเขตแดนของกัมพูชานั้น จึงไม่เป็นความจริง ตัวแทนหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สนับสนุนให้รัฐบาลไทยเจรจากับกัมพูชาเพื่อนำพลังงานในพื้นที่ทับช้อนมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน และหวังลดค่าครองชีพให้ประชาชน ไม่กระทบสิทธิทางด้านเขตแดน และผลการเจรจานั้นต้องได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย” นายนพดล กล่าว
เมื่อถามว่า MOU 44 มีความสำคัญอย่างไรในเชิงการค้า นายนพดล กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทะเลไทย-กัมพูชาเป็นเพียงหนึ่งในประเด็นความสัมพันธ์ทวีภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชา เรายังมีความร่วมมือเรื่องการปราบปรามการค้ามนุษย์ คนเข้าเมือง แรงงาน ซอฟต์พาวเวอร์ ท่องเที่ยวที่จะต้องเจรจากันต่ออย่างสันติวิธี โดยวิถีทางการทูต บรรยากาศทั้งสองประเทศขณะนี้ดีขึ้นมาก คิดว่าการระงับข้อพิพาทในเรื่องนี้ทางการทูตจะดีที่สุด ซึ่งเมื่อสามารถเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนได้จะนำไปสู่การแบ่งปันผลประโยชน์ทางไนโตรคาร์บอนเอ็นเนอจี
ส่วนจะเสร็จภายในรัฐบาลนี้หรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า เอาใจช่วยรัฐบาลนี้และอยากให้เจรจาเสร็จเร็วที่สุด เรื่องการเสร็จหรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเด็น แต่ต้องเสร็จแล้วทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงต้องไม่กระทบเรื่องสิทธิด้านเขตแดนของไทยด้วย เอาใจช่วย หากรัฐบาลนี้ครบ 4 ปีก็เป็นไปได้.-312.-สำนักข่าวไทย