รัฐสภา 21 ก.พ.-สภาฯ เอกฉันท์รับหลักการ ‘ยกเลิกคำสั่ง คสช.’ ‘ภูมิใจไทย-รทสช.’ ช่วยหนุน แต่ ‘พปชร.’ ไม่อภิปราย ด้าน ‘จาตุรนต์’ ชี้เป็นก้าวแรกแก้กฎหมายพิเศษ ให้ประชาชนออกแบบเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงบ่ายวันนี้(21ก.พ.) มี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 14/2559 เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ลงวันที่ 4 เม.ย. 2559 พ.ศ. …. ที่ นายยูนัยดี วาบา กับคณะ เป็นผู้เสนอ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้พิจารณาร่วมกับร่าง พ.ร.บ.ทำนองเดียวกันอีก 2 ฉบับ ประกอบด้วย ฉบับที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล กับคณะ และฉบับที่ นายรอมฎอน ปันจอร์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ
ช่วงหนึ่งของการอภิปราย นายปรเมษฐ์ จินา สส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ แสดงความคิดเห็นว่า คงจะไม่ว่ากัน เพราะในแต่ละสถานการณ์ ก็จะมีวิธีการแก้ไขปัญหา ถ้าหากในวันนั้น พวกเราอยู่ที่นี่ ก็คงจะตัดสินใจแบบนี้เหมือนกัน แต่เมื่อเหตุการณ์ล่วงเลยมาแล้ว ก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธี และเมื่อได้ประเมินบทเรียนที่ผ่านมา จะพบว่าคำสั่งคสช.ยังแก้ปัญหาไม่ได้ดีเท่าที่ควร เสนอว่าให้ใช้แนวคิดในสมัยพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า และเพิ่มสัดส่วนตัวแทนของประชาชนเข้าไปในสภาที่ปรึกษาฯ เช่น องค์การบริหารส่วนตำบลและจังหวัด ของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งเสริมทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ ให้เป็นทั้งแหล่งประมงและแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้
ขณะที่นายซาการียา สะอิ สส.นราธิวาส พรรคภูมิใจไทย อภิปรายสนับสนุน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)และกอ.รมน.ที่คนจังหวัดอื่นอิจฉา เพราะงบประมาณมักจะลงไปที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ตนพูดในฐานะคนในพื้นที่ อยากให้เป็นเหมือนจังหวัดอื่น ๆ ไม่ได้ต้องการหน่วยงานพิเศษ แต่เราเลือกไม่ได้ งบประมาณหลายแสนล้านบาทที่เข้ามาไม่ได้พัฒนาอะไรขึ้นเลย
“สิ่งสำคัญคือการช่วยเหลือเยียวยาคนในพื้นที่ ซึ่งศอ.บต.ต้องสนับสนุน คนจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้ต้องการอะไรพิเศษกว่าคนจังหวัดอื่น นอกจากสังคมดี เศรษฐกิจดี การศึกษาดี แต่ด้วยคำสั่งคสช.ให้แต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาฯ ซึ่งไม่มีความเข้าใจในพื้นที่ จึงเห็นควรว่าควรยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และกอ.รมน.ที่เป็นทหาร ก็ควรดูแลด้านความมั่นคง ไม่ได้มีหน้าที่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เราจึงควรเลือกคนให้ถูกกับงาน” นายซาการียา กล่าว
ด้านนายซูการ์โน มะทา สส.ยะลา พรรคประชาชาติ ได้อภิปรายสนับสนุนยกเลิกคำสั่งคสช. แต่ถ้าจะให้สมบูรณ์ที่สุด ควรยกเลิกถึง 3 ฉบับ ซึ่งพรรคประชาชาติได้ยื่นเข้าไปแล้ว เพื่อให้แก้ปัญหาอย่างครบวงจร และสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเลือกตัวแทนมาดูแลงบประมาณของศอ.บต. และกำหนดทิศทางการแก้ไขปัญหา
“รัฐบาลที่ผ่านมา ยึดอำนาจจากรัฐบาลประชาธิปไตย มีความหวาดระแวง องค์กรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ผมถามกลับไปว่า ถ้ายังมีความหวาดระแวง มีข้อสงสัยในตัวแทนของประชาชน ที่มาพิจารณางบประมาณของ ศอ.บต. แล้ว ผ่านไป 20 ปี รัฐบาลผลักดันงบไปกว่า 500,000 ล้านบาท มีอะไรดีขึ้น แถมประชาชนกลับถูกปิดปาก ประชาชนแต่งชุดมลายู ก็ไม่มีใครกล้าออกมาพูด ประชาชนแสดงอัตลักษณ์ตามรัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีใครมาดูแล กลับไปลิดรอนสิทธิ์ กล่าวหาว่าเป็นอั้งยี่ซ่องโจร เพราะไม่มีสภาที่ปรึกษาฯ ที่มาจากประชาชน อยากฝากให้คณะทำงาน ได้พิจารณายกเลิกคำสั่ง และให้ ศอ.บต. เป็นแม่งานในการพิจารณา ไม่ใช่ให้ทหารนำการพัฒนา“ นายซูการ์โน กล่าว
นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ศึกษาติดตาม และส่งเสริมการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อภิปรายว่า คำสั่งของคณะ คสช. 14/2559 อ้างว่าภายใต้ พ.ร.บ.บริหารจัดการชายแดนภาคใต้ สภาที่ปรึกษาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงมีเนื้อหาสำคัญ 3 ประการคืองดใช้ทุกมาตราที่เกี่ยวข้องกับสภาที่ปรึกษา และให้คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารจัดการชายแดนภาคใต้ทำหน้าที่แทน ประการที่สองให้เลขาธิการศอ.บต.รับฟังข้อคิดเห็นจากเลขาธิการกอ.รมน. ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่า กอ.รมน.กำลังมีบทบาทมากขึ้น และประการสุดท้ายให้ กอ.รมน.มีบทบาทปกป้องและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งที่จริงแล้วต้องเป็นฝ่ายพลเรือน
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ทำไมคสช.หวั่นไหวต่อพ.ร.บ.บริหารจัดการชายแดนภาคใต้และสภาที่ปรึกษามีบทบาทอย่างที่ควรจะเป็น เพราะสภานี้มีอำนาจหน้าที่เชื่อมโยงกับประชาชน ฝ่ายกฎหมาย และเชื่อมโยงกับการพูดคุยสันติภาพ ศอ.บต.มีหน้าที่ด้านสันติภาพและสภาที่ปรึกษาก็มีหน้าที่เชื่อมโยง ป้อนความเห็นต่าง ๆ คณะกรรมการที่ปรึกษาที่ปรับมาจากสภาที่ปรึกษา คนแต่งตั้งคือนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจเหลือหน้าที่เพียงให้คำปรึกษาศอ.บต. ให้ความเห็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีเห็นว่าควรรับฟังความคิดเห็น หมายความว่านายกรัฐมนตรีไม่ถามก็ไม่ต้องให้ความคิดเห็น
“ต่างจากสภาที่ปรึกษาที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษา นอกจากนี้ก็แต่งตั้งคณะทำงานได้ตามความเหมาะสม แต่การที่อำนาจหน้าที่หายไป ปัญหาจึงเกิดขึ้นมากในทุกด้าน เช่น การเยียวยา ลูกหลานเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับการดูแล การพิพาทระหว่างรัฐหับประชาชน ปัญหาการศึกษา ซึ่งหากมีเจ้าหน้าที่สภาที่ปรึกษาจะผลักดันเรื่องนี้ได้ ประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดเคยพยายามเสนอความเห็นต่อภาครัฐ แต่ไม่มีใครฟัง ปกติถ้ามีสภาที่ปรึกษา เขาก็จะเสนอผ่านสภาที่ปรึกษาได้ อันนี้ก็ขาดหายไป ยังมีเรื่องอื่นอีกหลายเรื่องที่เป็นปัญหาเกิดขึ้น เนื่องจากไม่มีสภาที่ปรึกษา” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวว่าปัญหาคำสั่งคสช. นอกจากไม่มีสภาที่ปรึกษาแล้ว ยังมีเรื่องการขยายอำนาจของกอ.รมน.ที่เข้ามาล้วงลูก เข้ามาแทรกแซง ทำแทนหน่วยงานพลเรือน ทำให้เจตนารมณ์ของการมีศอ.บต.ถูกเปลี่ยนไป แทนที่จะให้ฝ่ายมีพลเรือนมีบทบาท สภาที่ปรึกษาจะทำให้ ศอ.บต.กลับมามีบทบาทมากขึ้น แต่แม้เป็นเช่นนั้นก็ยังไม่ใช่ยาวิเศษ เพราะในระยะหลังมีองค์กรที่สลับซับซ้อนมากระดับประเทศถึง 3 องค์กร อยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พูดไปแล้วก็เหมือนเป็นรูปแบบการปกครองพิเศษอย่างหนึ่งอยู่แล้ว ประกอบด้วย สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กอ.รมน.และศอ.บต. โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานทั้งหมด แต่ไม่มีการทำงานประสานร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ
“นอกจากนี้ มีกฎหมายพิเศษ 3 ฉบับในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความมั่นคงภายใน และกฎอัยการศึก จะเห็นได้ว่าโดยองค์กรและกฎหมาย กองทัพมีบทบาทเป็นหลักกดทับ วันนี้ถ้าเรายกเลิกคำสั่ง คสช. จะเป็นก้าวสำคัญในการระดมความคิดจากประชาชนให้แก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ และมาคิดกันว่าเราจะออกแบบระบบกฎหมายอย่างไร ทำให้เกิดความสงบต่อสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ สภาก็ตั้ง กมธ. รัฐบาลก็ตั้งคณะทำงานพูดคุย หากสภาเห็นชอบจะทำให้เข้าใจปัญหาและจะนำไปสู่การได้ผลมากยิ่งขึ้น” นายจาตุรนต์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไม่ปรากฏว่ามีสส.จากพรรคพลังประชารัฐ ร่วมอภิปรายในญัตติดังกล่าว ท้ายที่สุด ที่ประชุมมีมติรับหลักการของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 14/2559 ฯ ทั้ง 3 ฉบับ ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 421 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง จากจำนวนผู้ลงมติ 421 คน และเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 31 คน ขึ้นมาพิจารณา.-312.-สำนักข่าวไทย