ไทย-ออสเตรเลียพร้อมร่วมมือทุกมิติ

ทำเนียบรัฐบาล 14 ก.พ. – นายกฯ ต้อนรับผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย เยือนไทยอย่างเป็นทางการ ย้ำมิตรภาพไทย-ออสเตรเลีย ใกล้ชิดทุกระดับ พร้อมร่วมผลักดันความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพ การค้า การลงทุน แลกเปลี่ยนระดับประชาชน และกลาโหม


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับ พล.อ.เดวิด เฮอร์ลีย์ (His Excellency General the Honourable David Hurley AC DSC (Retd)) ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีและผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้น ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน บริเวณห้องสีงาช้างด้านนอก จากนั้น เวลา 11.00 น. ทั้งสองฝ่ายร่วมหารือข้อราชการ ณ ห้องสีงาช้างด้านใน โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งที่ได้ต้อนรับผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการเยือนในระดับผู้สำเร็จราชการฯ ครั้งแรกในรอบ 7 ปี สะท้อนมิตรภาพที่แข็งแกร่งระหว่างไทยกับออสเตรเลีย ทั้งสองประเทศมีการแลกเปลี่ยนการเยือนที่ใกล้ชิดกันในทุกระดับ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ (ASEAN – Australia Special Summit) ที่เมืองเมลเบิร์น ในช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้ พร้อมทั้งจะได้พบปะภาคเอกชนของออสเตรเลีย เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจระหว่างทั้งสองประเทศ


ขณะที่ พล.อ.เดวิด เฮอร์ลีย์ กล่าวขอบคุณการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรัฐบาลและประชาชนชาวไทย ยินดีที่ได้เดินทางมายังประเทศไทยอีกครั้ง ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับออสเตรเลียที่ใกล้ชิดมายาวนานในทุกระดับ โดยเฉพาะในโอกาสพิเศษที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ (72 พรรษา) ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 72 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-ออสเตรเลีย เช่นกัน เชื่อว่าความสัมพันธ์ไทย-ออสเตรเลีย ที่ใกล้ชิดยาวนาน แข็งแกร่งมาก เป็นรากฐานที่สำคัญของความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นความสัมพันธ์และความร่วมมือในภาพรวม ดังนี้ ด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรียินดีต่อรายงานยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ปี ค.ศ. 2040 (Invested: Australia’s Southeast Asia Economic Strategy to 2040) ของออสเตรเลีย ซึ่งมุ่งเน้นเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจระหว่างออสเตรเลียกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย โดยทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่า ยุทธศาสตร์นี้จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญ สนับสนุนการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจระหว่างกัน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ไทยและออสเตรเลียควรเพิ่มพูนความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งเป็นสาขาที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีศักยภาพ ประกอบกับบริบททางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน โดยนายกรัฐมนตรีประสงค์ให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แนวปฏิบัติ และเทคโนโลยีจากออสเตรเลีย โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านเกษตรกรรม ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรมีความรู้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งผู้สำเร็จราชการฯ เห็นว่า ออสเตรเลียมีความพร้อม และมีมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่มีศักยภาพในด้านนี้ จึงยินดีสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน

ด้านการค้าและการลงทุน นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ไทยและออสเตรเลียควรร่วมมือกันเพิ่มศักยภาพของความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ซึ่งจะสนับสนุนมูลค่าและปริมาณการค้าระหว่างกันให้เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ และในด้านการลงทุน นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้นักลงทุนชาวออสเตรเลียพิจารณาเพิ่มพูนการลงทุนในไทย โดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีอัจฉริยะ และพลังงานสีเขียว ซึ่งรัฐบาลได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโต และสนับสนุนด้านนวัตกรรม รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไว้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะในโครงการ Landbridge ซึ่งผู้สำเร็จราชการฯ เห็นว่า การเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ ของนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยภาคเอกชนไทย จะเป็นโอกาสอันดีในการสนับสนุนการลงทุนระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ


ด้านความร่วมมือ ด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นสาขาที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสำคัญและเห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกัน และกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ตลอดจนความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นการสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

ด้านความร่วมมือด้านกลาโหม เป็นเสาหลักสำคัญในความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและออสเตรเลียมีส่วนร่วมด้านการทหารที่ใกล้ชิด ทั้งการฝึกร่วม การแลกเปลี่ยนบุคลากร และการฝึกอบรม โดยนายกรัฐมนตรีต้องการเพิ่มพูนความร่วมมือกับออสเตรเลียมากขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีด้านการทหารกับออสเตรเลีย ซึ่งทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นรากฐานสำคัญในการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ตลอดจนสนับสนุนความพร้อมด้านการทหารของทั้งสองประเทศในการตอบสนองและรับมือกับความท้าทายในอนาคต

ด้านความสัมพันธ์ในระดับประชาชน ในส่วนของการศึกษา นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ไทยและออสเตรเลียยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์ในระดับประชาชนระหว่างกันได้มากขึ้น โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา ซึ่งออสเตรเลียถือเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ที่นักเรียน/นักศึกษาไทยเลือกไปศึกษาต่อ ขณะเดียวกัน ไทยมีโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่มีศักยภาพ ซึ่งทั้งสองฝ่ายพร้อมร่วมกันส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกันมากขึ้น  

ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายยินดีกับจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยเฉพาะมาตรการด้านความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีหวังว่า ไทยและออสเตรเลียจะร่วมกันพิจารณาความเป็นไปได้ในการเจรจาเพื่อยกเว้นวีซ่าระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนการเดินทางและธุรกิจระหว่างทั้งสองประเทศ พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยังประเทศไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาขาที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีและภริยา เชิญผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลียและภริยาไปยังโถงกลางตึกสันติไมตรี เพื่อชมการแสดงศิลปะมวยไทย และเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลียและภริยา ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก.-313.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กัมพูชา ทำหนังสือส่งถึงไทย ปฏิเสธวางกับระเบิดช่องบก

กัมพูชา 19 ก.ค.-กัมพูชาทำหนังสือส่งถึงไทย ปฏิเสธวางกับระเบิดช่องบก ลั่นยึดมั่นอนุสัญญาออตตาวา ประณามคัดค้าน การผลิต และแสดงความเสียใจผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมผลักดันสู่กระบวนการพิสูจน์ เพื่อรักษามิตรภาพ ความปลอดภัย ไม่กล่าวหาซึ่งกัน เมื่อวันที่ 19 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ทำหนังสือ ถึงทางการไทย เรื่อง การปฏิเสธต่อการนําเสนอของสื่อมวลชนไทยจำนวนหนึ่ง กรณีทหารไทย 3 นาย ได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) สำานักงานปฏิบัติการทุ่นระเบิคและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (สํานักงานทุ่นระเบิด) ขอแจ้งว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีสื่อมวลชนไทยจํานวนหนึ่งได้อ้างอิงแหล่งข้อมูลจากข้าราชการระดับสูงของไทย และเผยแพร่เกี่ยวกับทหารไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากระเบิด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 บริเวณพิกัด WA 220861 (ยืนยันโดยฝ่ายไทย) อยู่ในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) การเผยแพร่ดังกล่าว มีเจตนา กล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริงและไม่มีการตรวจสอบที่ชัดเจนว่ากัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ ในการนี้สํานักงานทุ่นระเบิด ขอชี้แจงดังนี้ 1.สํานักงานทุ่นระเบิดขอปฏิเสธและปัดตกทั้งหมดต่อเนื้อหาข่าวที่เผยแพร่โดยมีเจตนากล่าวหาว่า กัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ 2.กัมพูชา […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 19 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 5 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2568) ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสระบุรีภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราดภาคใต้: จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี […]

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย