ไทย-ออสเตรเลียพร้อมร่วมมือทุกมิติ

ทำเนียบรัฐบาล 14 ก.พ. – นายกฯ ต้อนรับผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย เยือนไทยอย่างเป็นทางการ ย้ำมิตรภาพไทย-ออสเตรเลีย ใกล้ชิดทุกระดับ พร้อมร่วมผลักดันความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพ การค้า การลงทุน แลกเปลี่ยนระดับประชาชน และกลาโหม


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับ พล.อ.เดวิด เฮอร์ลีย์ (His Excellency General the Honourable David Hurley AC DSC (Retd)) ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีและผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้น ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน บริเวณห้องสีงาช้างด้านนอก จากนั้น เวลา 11.00 น. ทั้งสองฝ่ายร่วมหารือข้อราชการ ณ ห้องสีงาช้างด้านใน โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งที่ได้ต้อนรับผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการเยือนในระดับผู้สำเร็จราชการฯ ครั้งแรกในรอบ 7 ปี สะท้อนมิตรภาพที่แข็งแกร่งระหว่างไทยกับออสเตรเลีย ทั้งสองประเทศมีการแลกเปลี่ยนการเยือนที่ใกล้ชิดกันในทุกระดับ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ (ASEAN – Australia Special Summit) ที่เมืองเมลเบิร์น ในช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้ พร้อมทั้งจะได้พบปะภาคเอกชนของออสเตรเลีย เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจระหว่างทั้งสองประเทศ


ขณะที่ พล.อ.เดวิด เฮอร์ลีย์ กล่าวขอบคุณการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรัฐบาลและประชาชนชาวไทย ยินดีที่ได้เดินทางมายังประเทศไทยอีกครั้ง ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับออสเตรเลียที่ใกล้ชิดมายาวนานในทุกระดับ โดยเฉพาะในโอกาสพิเศษที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ (72 พรรษา) ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 72 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-ออสเตรเลีย เช่นกัน เชื่อว่าความสัมพันธ์ไทย-ออสเตรเลีย ที่ใกล้ชิดยาวนาน แข็งแกร่งมาก เป็นรากฐานที่สำคัญของความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นความสัมพันธ์และความร่วมมือในภาพรวม ดังนี้ ด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรียินดีต่อรายงานยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ปี ค.ศ. 2040 (Invested: Australia’s Southeast Asia Economic Strategy to 2040) ของออสเตรเลีย ซึ่งมุ่งเน้นเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจระหว่างออสเตรเลียกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย โดยทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่า ยุทธศาสตร์นี้จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญ สนับสนุนการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจระหว่างกัน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ไทยและออสเตรเลียควรเพิ่มพูนความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งเป็นสาขาที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีศักยภาพ ประกอบกับบริบททางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน โดยนายกรัฐมนตรีประสงค์ให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แนวปฏิบัติ และเทคโนโลยีจากออสเตรเลีย โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านเกษตรกรรม ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรมีความรู้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งผู้สำเร็จราชการฯ เห็นว่า ออสเตรเลียมีความพร้อม และมีมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่มีศักยภาพในด้านนี้ จึงยินดีสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน

ด้านการค้าและการลงทุน นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ไทยและออสเตรเลียควรร่วมมือกันเพิ่มศักยภาพของความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ซึ่งจะสนับสนุนมูลค่าและปริมาณการค้าระหว่างกันให้เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ และในด้านการลงทุน นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้นักลงทุนชาวออสเตรเลียพิจารณาเพิ่มพูนการลงทุนในไทย โดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีอัจฉริยะ และพลังงานสีเขียว ซึ่งรัฐบาลได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโต และสนับสนุนด้านนวัตกรรม รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไว้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะในโครงการ Landbridge ซึ่งผู้สำเร็จราชการฯ เห็นว่า การเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ ของนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยภาคเอกชนไทย จะเป็นโอกาสอันดีในการสนับสนุนการลงทุนระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ


ด้านความร่วมมือ ด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นสาขาที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสำคัญและเห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกัน และกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ตลอดจนความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นการสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

ด้านความร่วมมือด้านกลาโหม เป็นเสาหลักสำคัญในความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและออสเตรเลียมีส่วนร่วมด้านการทหารที่ใกล้ชิด ทั้งการฝึกร่วม การแลกเปลี่ยนบุคลากร และการฝึกอบรม โดยนายกรัฐมนตรีต้องการเพิ่มพูนความร่วมมือกับออสเตรเลียมากขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีด้านการทหารกับออสเตรเลีย ซึ่งทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นรากฐานสำคัญในการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ตลอดจนสนับสนุนความพร้อมด้านการทหารของทั้งสองประเทศในการตอบสนองและรับมือกับความท้าทายในอนาคต

ด้านความสัมพันธ์ในระดับประชาชน ในส่วนของการศึกษา นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ไทยและออสเตรเลียยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์ในระดับประชาชนระหว่างกันได้มากขึ้น โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา ซึ่งออสเตรเลียถือเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ที่นักเรียน/นักศึกษาไทยเลือกไปศึกษาต่อ ขณะเดียวกัน ไทยมีโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่มีศักยภาพ ซึ่งทั้งสองฝ่ายพร้อมร่วมกันส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกันมากขึ้น  

ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายยินดีกับจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยเฉพาะมาตรการด้านความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีหวังว่า ไทยและออสเตรเลียจะร่วมกันพิจารณาความเป็นไปได้ในการเจรจาเพื่อยกเว้นวีซ่าระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนการเดินทางและธุรกิจระหว่างทั้งสองประเทศ พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยังประเทศไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาขาที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีและภริยา เชิญผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลียและภริยาไปยังโถงกลางตึกสันติไมตรี เพื่อชมการแสดงศิลปะมวยไทย และเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลียและภริยา ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก.-313.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]

พบหลุมระเบิดที่กัมพูชายิงใส่ไทย 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดน

กทม. 10 ส.ค.-เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดนไทย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพบก ทันกระแส” โพสต์ว่า เจ้าหน้าที่ EOD เข้าพื้นที่เก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ซึ่งสร้างความเสียหายและความหวาดกลัวให้ประชาชน ที่กำลังทยอยกลับเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายของบ้านพักอาศัย ข้อมูลที่เพจโพสต์แสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นผลจากการยิงอาวุธของกัมพูชาใส่เป้าหมายพลเรือน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพหนีภัยสงคราม และหากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ประชาชนเริ่มกลับเข้าสู่พื้นที่ตนเอง แต่ต้องเผชิญกับอันตรายจากระเบิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ EOD ทำงานอย่างหนัก เพื่อเร่งเก็บกู้ระเบิดให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในบ้านของตนเองอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ชวนชมดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม

ทำเนียบ 10 ส.ค.-รัฐบาลเชิญชวนชมความงดงามของดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ ในโอกาสเฉลิมพระเกียรติ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี (วันแม่แห่งชาติ) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง ร่วมใจกัน ติดตั้งไฟประดับทั้ง 2 ข้างทาง เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขอเชิญชวนประชาชนได้ร่วมสัมผัสความงดงามของดวงไฟประดับ เนื่องในโอกาสมหามงคลนี้ โดยการไฟฟ้านครหลวง ได้ดำเนินการติดตั้งไฟประดับจำนวนกว่า 2 ล้านดวง เพื่อประดับในสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ พระที่นั่งอัมพรสถาน วังศุโขทัย พระบรมมหาราชวัง บริเวณท้องสนามหลวง รอบพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วังสระปทุม พระที่นั่งอนันตสมาคม ลานพระบรมรูปทรงม้า สนามเสือป่า ทำเนียบองคมนตรี กระทรวงมหาดไทย ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่วันนี้ – […]

ไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง

กทม. 10 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่งบริเวณภาคอีสาน ตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก คลื่นลมทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ […]