ผิดหวัง! ให้ข้อมูล “ทักษิณ” รักษาตัวไม่ชัด

รัฐสภา 14 ธ.ค.-กมธ.ตำรวจ ผิดหวัง “ผบ.เรือนจำ-แพทย์ รพ.ราชทัณฑ์” ให้ข้อมูลไม่ชัด เหตุส่ง “ทักษิณ” รักษาตัว รพ.ตร. เผย จะบุกพิสูจน์ชั้น 14 หลังปีใหม่ เป็นของขวัญวันเด็ก เตรียมตั้งกระทู้ถามนายกฯ เหตุรีบออกระเบียบใหม่ราชทัณฑ์ ทำเพื่อใครหรือไม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังคณะกรรมการกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายชัยชนะ เดชเดโช ประธานคณะกรรมการฯ เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เรื่องการส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ว่าเป็นไปตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ โดยการประชุมใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง

นายชัยชนะ เปิดเผยว่า กรรมาธิการฯ ได้สอบถามถึงกระบวนการและขั้นตอนการรับนายทักษิณ เข้าสู่เรือนจำ และมาตรการในการส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล รวมถึง งบประมาณที่ใช้ในระหว่างนายทักษิณ รักษาตัว ซึ่งน่าผิดหวังที่ไม่สามารถได้รับคำตอบที่กระจ่างชัดเจนจากทางกรมราชทัณฑ์ โดยอธิบายเพียงว่านักโทษที่เข้าสู่เรือนจำจะต้องกักตัวในแดนแรกรับ 5-10 วัน แต่กรณีของนายทักษิณ ผู้บัญชาการเรือนจำชี้แจงว่าเนื่องจากแพทย์ได้วินิจฉัย ว่าควรจะส่งตัวไปที่ รพ.ตำรวจ แต่รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ยืนยันว่าไม่มีการวินิจฉัยดังกล่าว มีเพียงการปรึกษาหารือกันในช่วงกลางคืน ในวันที่นายทักษิณ ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำถึงเรื่องโรคประจำตัว พยาบาลจึงได้ต่อสายมาโรงพยาบาลราชทัณฑ์เพื่อปรึกษาข้อมูล แพทย์จึงได้ให้คำแนะนำว่า รพ.ราชทัณฑ์มีเครื่องมือเท่าไหร่ อย่างไรบ้าง เพื่อให้พยาบาลมาวิเคราะห์กับเจ้าหน้าที่พัสดี ว่าควรส่งตัวนายทักษิณ ไปรักษาที่ไหน ซึ่งผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจคือ ผบ.เรือนจำ เบื้องต้นแพทย์แจ้งว่านายทักษิณ มีโรคประจำตัว เป็นโรคความดันโลหิตสูง เส้นเลือดตีบตันและไวรัสตับอักเสบB ซึ่งตนเห็นว่าหากดูจากภาพถ่ายในโซเชียลมีเดีย นายทักษิณไม่น่าจะเป็นโรคไวรัสตับอักเสบB เพราะถ้าเป็นจะดื่มไวน์กับลูกสาวไม่ได้ และล่าสุดก็เห็นว่าเต้นแร็พเตอร์


นายชัยชนะ ยังระบุว่า โดยธรรมเนียมปฏิบัติ กรมราชทัณฑ์จะต้องส่งตัวนักโทษไปยังโรงพยาบาลแม่ข่ายกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากนักโทษต้องใช้งบประมาณจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แต่วันนี้กรมราชทัณฑ์ไม่สามารถตอบได้ว่าทำไมนายทักษิณ ถึงถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 และทำไมถึงไม่ต้องตัดผม เมื่อตอบไม่ได้จึงยุติการประชุม พร้อมขอให้ผู้ที่มีอำนาจในการชี้แจงมาอธิบายต่อกรรมาธิการ จึงได้ทำหนังสือเชิญ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ,ปลัดกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มาร่วมประชุมในครั้งถัดไป พร้อมทั้งทำหนังสือขอเอกสารการทำ MOU ระหว่างกรมราชทัณฑ์กับโรงพยาบาล งบประมาณในการดูแลนักโทษที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาล รวมถึงความเห็นของแพทย์ที่รักษา และวินิจฉัยอาการของนายทักษิณก่อนส่งตัวไปโรงพยาบาล ตลอดจนรายชื่อของเจ้าหน้าที่ทีผลัดเปลี่ยนดูแลนายทักษิณ

“สิ่งที่ทำให้ผิดหวัง คือ เมื่อนักวิชาการของกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่าการรักษาตัวในโรงพยาบาลใช้งบประมาณของ สปสช.เท่ากันทุกคน แต่ทำไมนายทักษิณจึงได้รักษาตัวที่ชั้น 14 ทำไมไม่ได้รับการรักษาตัวเหมือนนักโทษคนอื่น ซึ่งตนเองได้ถามด้วยว่าได้มีการล่ามโซตรวน นายทักษิณกับเตียงนอนของผู้ป่วยหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบในเรื่องนี้ ดังนั้น หลังจากผู้บังคับบัญชาสูงสุดของแต่ละหน่วยงานมาชี้แจงต่อกรรมาธิการแล้ว กรรมาธิการจะลงพื้นที่ไป รพ.ตำรวจ คาดว่าเป็นช่วงหลังปีใหม่
”นายชัยชนะ กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสามารถกำหนดวันลงพื้นที่ได้เลยหรือไม่ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ทัน เพราะนายทักษิณ อาจออกจาก รพ. ไปคุมขังนอกเรือนจำตามระเบียบใหม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ขณะนี้นายทักษิณยังป่วยอยู่ ถ้าระเบียบใหม่ออกแล้วกลับไปอยู่บ้านเลยมันก็ดูไม่สมจริง แต่ตนก็คิดว่าน่าจะไปลงพื้นที่ รพ.ตำรวจได้ เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กให้กับทุกคน แต่คงไม่ได้เข้าไปดูภายในห้องพักของนายทักษิณ แต่จะเข้าไปดูแผนผังของชั้น 14 เป็นอย่างไร มีใครรักษาตัวอย่างบ้าง เนื่องจากการข่าวอ้างว่าในวันที่ส่งตัวนายทักษิณไปโรงพยาบาลตำรวจ ห้องไอซียูเต็ม และตึกที่พักรักษาตัวขณะนี้มีเครื่องหมายเครื่องมือพร้อมเทียบเท่ากับห้องไอซียู เพราะตอนที่นายทักษิณถูกส่งตัวอาการหนักมาก จึงต้องส่งไปที่ชั้น 14 แต่ตนเห็นว่าหากดูจากอาการในช่วงเช้าของวันมอบตัว อาการไม่น่าจะหนัก ยังเดินแข็งแรง โบกมือบ๊ายบายประชาชนได้ แต่พอตกดึกจะตายแบบนี้ไม่ได้


ผู้สื่อข่าวถามว่าในที่ประชุมได้มีการซักถามถึงระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการคุมขังนอกเรือนจำหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่ายังไม่ได้มีการพูดคุยไปถึงเรื่องนี้ เนื่องจากในส่วนแรกเจ้าหน้าที่ยังชี้แจงไม่ชัดเจน พร้อมยืนยันว่ากฎกระทรวงยุติธรรม มีการประกาศใช้เมื่อปี 2563 จริง และมีการประการศให้แก้ไขระเบียบกรมราชทัณฑ์ในปี 2564 จริง แต่คณะรัฐมนตรีชุดที่แล้ว ไม่อนุญาตให้ระเบียบดังกล่าวประกาศใช้ แต่กลับมาประกาศในยุครัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ตนก็คิดว่าสังคมไทยน่าจะทราบว่าทำเพื่อใคร จากนี้จะมีการตั้งคำถามในสภาผู้แทนราษฎร จะตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรี ว่ามีเหตุผลอะไรจึงเร่งรีบออกระเบียบฉบับนี้ และทำเพื่อใครหรือไม่.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย