แรงงานไทยในอิสราเอลดับเพิ่มเป็น 18 ราย

ก.รต่างประเทศ 10 ต.ค.-กต.เผยยอดแรงงานไทยเสียชีวิตเพิ่มเป็น 18 คน เร่งส่งลอตแรก 15 คนถึงไทย 12 ต.ค. อีก 80 คน 18 ต.ค. ยันช่วยทั้งที่ไปถูกกฎหมาและผิดกฎหมาย


นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยที่ประสบภัยจากความไม่สงบ ในหลายพื้นที่ของรัฐอิสราเอลว่า ตัวเลขที่ได้รับรายงานล่าสุดจากเทลอาวีฟ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 6 คนรวมเป็น 18 คน ซึ่งเป็นการได้รับแจ้งจากนายจ้าง ผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย  ส่วนผู้ที่ถูกควบคุมตัวยังมี 11 รายเหมือนเดิม ขณะนี้ได้อพยพแรงงานออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยระยะ 4 กิโลเมตร โดยกองทัพอิสราเอลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามใช้เทคโนโลยีติดตามผู้สูญหาย โดยร่วมมือกับทางการอิสราเอลและภาคเอกชน ซึ่งสถานทูตอยู่ระหว่างการร่วมมือกับตำรวจส่งรายชื่อเพื่อให้ญาติสามารถติดต่อได้

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เอกอัครราชทูตมาเลเซียได้คุยกับฝ่ายปาเลสไตน์และทูตที่อื่นก็ชาวกยันประสาน พยายามหาหนทางเจรจาเพื่อให้ยุติความรุนแรง ซึ่งนายปานปรีย์ พหิทรานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้หารือทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอิสราเอลเมื่อค่ำวานนี้(9 ต.ค.) ซึ่งทางการอิสราเอลได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ และให้คำมั่นจะพยายามดูแลคนไทยและชาติอื่นเช่นเดียวกับดูแลคนในชาติของตนให้ดีที่สุดและมั่นใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้


“นายปรานปรีย์แจ้งย้ำว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของคนไทย และจะขอให้ทำทุกวิถีทางช่วยปกป้องพี่น้องคนไทยและช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันออกมาให้เร็วที่สุด พร้อมขอให้ทางการอิสราเอลตรวจสอบและยืนยันข้อมูลผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างเป็นทางการในโอกาสแรกด้วย ส่วนผู้ถูกจับตัวประกันนั้น จากที่หารือฝ่ายต่าง ๆ เท่าที่ทราบ หวังว่าไม่น่าจะทำร้ายคนต่างชาติ เพราะไม่ได้เป็นผู้เกี่ยวข้องและคงไม่ขยายความขัดแย้ง แต่ในชั้นนี้ต้องรอดูเหตุการณ์ต่อไป” นางกาญจนา กล่าว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สถานทูตเทลอาวีฟจะส่งแรงงานไทยเดินทางกลับในวันที่ 11 ตุลาคม ซึ่งเป็นรายงานไทยที่บาดเจ็บและแรงงานที่เคลื่อนย้ายจากที่ปลอดภัยรวมเป็น 15 คน โดยจะเดินทางถึงกรุงเทพฯ เวลา 10.35 น. วันที่ 12 ต.ค.นี้ ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศจะไปรับและให้กำลังใจ ส่วนเที่ยวบินที่สองในวันที่ 18 ต.ค. จำนวน 80 คน ขณะนี้แรงงานที่ลงทะเบียนขอเดินทางกลับจำนวน 3,226 คน 

ด้านน.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ร่วมแถลงผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ แสดงความเสียใจกับผู้ประสบภัยในครั้งนี้และส่งกำลังใจให้กับญาติของแรงงานไทยในพื้นที่ ยืนยันสถานทูตไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามทำทุกวิถีทางระดมสรรพกำลังติดตามและติดต่อกับพี่น้องแรงงงงานไทยในพื้นที่ แต่ขณะนี้ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม ซึ่งมีการแบ่งโซนเป็นสีแดง สีส้มและสีเหลือง การช่วยเหลือจะต้องเข้าไปทีละโซน จึงตระหนักดีถึงความเดือดร้อนและได้ประสานกับทางการอิสราเอลว่ามีคนไทยอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ขอให้ทางการอิสราเอลช่วยติดตาม ซึ่งต้องใช้เวลาจะจัดลำดับไปตามโซน ทุกเรื่องต้องใช้เวลาและขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจในข้อจำกัดนี้ด้วย


“กลุ่มแรกที่จะกลับไทย 15 คนในวันที่ 12 ต.ค. ยืนยันว่าออกจากกรุงเทลอาวีฟในวันที่ 11 ต.ค.แน่นอน ซึ่งสถานทูตจะจัดรถไปรับหรือจะให้นายจ้างมาส่งหรือติดต่อให้รถเหมามาเพื่อมาขึ้นเครื่อง และจะไปตั้งเคาน์เตอร์ที่สนามบิน ออกเอกสารการเดินทางให้แรงงานก่อนขึ้นเครื่อง ยืนยันว่าเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้พี่น้องแรงงาน 15 คนนี้ขึ้นเครื่องไป ยกเว้นเหตุสุดวิสัยคือสนามบินปิด มั่นใจว่า 15 คนแรกจะได้กลับแน่นอน ส่วนที่จะเดินทางกลับ 80 คนก็ยังยืนยัน ขณะนี้ได้ขอให้เจ้าหน้าที่โทรกลับพี่น้องทุกคนที่ลงทะเบียนเพื่อยืนยันข้อมูลสำหรับใช้ในการจองตั๋วเครื่องบินหรือประสานเรื่องการเดินทางมาขึ้นเครื่อง จะพยายามอย่างดีที่สุด” เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ กล่าว

น.ส.พรรณนภา กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนในการประสานเดินทางกลับ อันดับแรกเปิดให้ลงทะเบียน แต่ถ้าไม่สามารถลงได้ก็มีโทรศัพท์ Hot Line ที่ให้ติดต่อเข้ามา ได้ตลอดเวลาและกำลังจะให้เพิ่มคู่สาย ขณะเดียวกันมีทีมที่โทรกลับสำหรับคนที่ส่งข้อความไว้ แรงงานที่อพยพจะจัดลำดับความสำคัญ เพราะมีพี่น้องแรงงานหลายคนที่เกิดความหวาดกลัวอยากจะกลับด้วย แต่จะขออนุญาตส่งผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดกลับก่อน

“สำหรับผู้ที่ไม่มีเอกสารเดินทางติดตัวสถานทูตได้เตรียมพร้อมเอกสารการเดินทางให้กับแรงงาน ก่อนออกเดินทางทุกครั้งจะไปที่สนามบินก่อน 4-5 ชั่วโมง เพื่อทำเอกสารการเดินทาง และเตรียมอาหาร น้ำไปให้กับพี่น้องแรงงานด้วย ขอยืนยันว่าจะดูแลให้ดีที่สุดและจะทำทุกอย่างให้ราบรื่นที่สุด” เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ กล่าว

ส่วนความปลอดภัยของแรงงานที่ถูกจับเป็นตัวประกัน น.ส.พรรณนภา กล่าวว่า ทุกฝ่ายไม่ได้นิ่งนอนใจ ทั้งรัฐบาลและหลายหน่วยงานกำลังประสานผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ในพื้นที่ที่เกิดเหตุเป็นประเด็นเรื่องความมั่นคง เราก็พยายามติดตามและตนได้ติดต่อผ่านกระทรวงการต่างประเทศและกองทัพอิสราเอล รวมทั้งช่องทางต่าง ๆ ด้วยว่า หวังว่าแรงงานไทยและชาติอื่น ๆ จะได้รับความช่วยเหลือออกมา อย่างปลอดภัยโดยเร็ว

“ส่วนพิกัดของตัวประกัน ยังไม่มีข้อมูลจริง ๆ และได้พยายามสอบถามกับทางการต่อเนื่องว่าพอจะทราบหรือไม่ แต่อิสราเอลก็ขอโทษจริง ๆ ยังไม่ทราบหรืออาจยังไม่บอก เพราะเป็นเรื่องของการปฏิบัติงาน ได้พยายามทางการทูตประสานให้ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย ส่วนข่าวว่าแรงงานไทยถูกจับตัวไปหลาย100 คนนั้น เป็นจำนวนของคนทุกชาติ รวมทั้งอิสราเอล ในสถานการณ์พิเศษแบบนี้ ยืนยันว่าสถานทูตจะดูแลพี่น้องแรงงานทุกคนทั้งที่ไปถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย หากลงทะเบียนขอกลับ เราช่วยเหลืออย่างเท่าเทียม แต่ขอจัดลำดับส่งผู้ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดก่อนและจะทยอยส่งกลับ พยายามหาเครื่องบินพาณิชย์อื่น ๆ เพิ่มเติมอาจจะได้ 2-3 คน แต่เราก็จองหมดให้ได้เร็วที่สุดและมากที่สุด” เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ กล่าว

ส่วนที่มีข่าวการขายแรงงานที่ได้รับการช่วยเหลือออกจากที่เสี่ยงภัยสูงสุดไปส่งให้นายจ้างใหม่เพื่อได้ทำงานต่อ น.ส.พรรณนภา กล่าวว่า ได้ติดต่อกับทางการอิสราเอลเรื่องนี้แล้ว โดยนำแรงงานจากพื้นที่ที่เสี่ยงภัยและนำไปฝากไว้ในพื้นที่ที่ปลอดภัยและ นายจ้างเหล่านั้นก็ให้ไปทำงาน เป็นการให้แรงงานได้ย้ายงานทำ เพื่อให้มีรายได้ในการดำรงชีพ แต่ในส่วนของสถานทูตได้ประสานไปแล้ว

เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ กล่าวถึง การนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา ว่า ทางการอิสราเอลขอให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้มีชีวิตอยู่และติดอยู่ในพื้นที่อันตรายเสี่ยงภัยก่อน กำลังคนของอิสราเอลที่ปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ มีจำกัด เพราะถูกให้ไปเป็นทหารกันหมดแล้ว ในส่วนของผู้เสียชีวิตจึงยังไม่สามารถระบุชื่อได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเทียบกับเหตุการณ์รุนแรงเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทางการอิสราเอลใช้เวลาในยืนยันตัวตนและทำเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องบันทึกว่าบุคคลเหล่านี้เป็นผู้เสียชีวิตจากสงครามและเป็นผู้ที่ให้เงินช่วยเหลือมีหลายขั้นตอนกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ เพื่อไม่ให้ผิดพลาด และในครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 900 คนแล้ว ซึ่งมากกว่าครั้งที่แล้ว ย่อมต้องใช้เวลาแน่นอน ยืนยันว่าพยายามอย่างเต็มที่เช่นกัน แต่ตอนนี้ขอช่วยผู้ที่รอดชีวิตให้รอดพ้นจากอันตรายก่อน

เมื่อถามย้ำว่าจากการสืบทางลับแรงงานที่ถูกจับตัวไปปลอดภัยดีหรือไม่  น.ส.พรรณนภา กล่าวว่า ยอมรับว่าไม่ทราบข้อมูลจริง ๆ แต่ขอวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คนไทยและตัวประกันทุกคนยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนกลับบ้านด้วยความปลอดภัย แต่ทางการอิสราเอลได้ให้ความมั่นใจว่าจะพยายามช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” โพสต์พรรคร่วมฯ มีมติหนุนรัฐบาล ร่วมสร้างเสถียรภาพการเมือง

โรงแรมโรสวูด 22 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์พรรคร่วมรัฐบาลมีมติหนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ชี้ ความเป็นหนึ่งเดียว ช่วยก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหว เดินหน้ารับมือภัยคุกคามและความมั่นคง ภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญพรรคร่วมรัฐบาล หารือ ปรับคณะรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่าง 8 ตำแหน่ง หลังภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. รถบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและเลขาธิการพรรคได้เดินทางออกจากโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีได้ ยังอยู่ภายในโรงแรม ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะโพสต์ภาพถ่ายผ่านโซเชียลร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมระบุข้อความว่า “ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า สามัคคีประเทศไทย รวมพลังผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลทุกท่าน ที่มีมติและประกาศแนวทางสนับสนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติจากภายนอก และขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกับกองทัพมีจุดยืนร่วมกัน ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและรวมพลังสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการผนึกกำลังกันของคนไทย ก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหวนี้ด้วยความมั่นคง และประสบผลสำเร็จในการปกป้องอธิปไตย ธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชน ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่มีภัยคุกคามใดจะเหนือกว่าพลังสามัคคีของคนไทย […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

จับตานายกฯ นัดคุยหัวหน้าพรรคร่วม ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – จับตานายกฯ เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน คาดจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม ความเคลื่อนไหวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายงานว่า วันนี้ (22 มิ.ย.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน ภายหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลง 8 ตำแหน่ง คาดว่าจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม โดยเมื่อเวลา 12.26 น. รถยนต์ของนายกรัฐมนตรีได้เลี้ยวเข้าโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ.-316-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” สั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ไทยปิดด่านช่องสายตะกู

22 มิ.ย.- “ฮุน มาเนต” นายกฯ กัมพูชา ออกคำสั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ทางการไทยปิดด่าน “ช่องสายตะกู” เมื่อเวลา 07.00 น. “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โพสต์หนังสือคำสั่ง โดยระบุว่า ให้ปิดด่านบ้านจุ๊บโกกี อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย จนกว่าไทยจะเปิดด่านช่องสายตะกู พร้อมระบุว่า เมื่อคืนวานนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา ได้รับแจ้งจากกองทัพภาคที่ 2 ของไทย ว่า จะมีการปิดด่านชายแดนช่องสายตะกูอย่างไม่มีกำหนด นอกจากนี้ ผู้นำกัมพูชา ยังได้อนุมัติให้ปิดด่านช่องจวม อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย และจะแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ของไทย รับทราบ สำหรับคำสั่งปิด 2 ด่านดังกล่าว เป็นจุดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด่านช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และด่านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ -สำนักข่าวไทย