มท.ออก 7 มาตรการคุมอาวุธปืน-เทียมปืน

ทำเนียบรัฐบาล 5 ต.ค.-“อนุทิน” ประชุมกำหนดมาตรการครอบครองอาวุธปืน ไม่อนุญาตสั่งนำเข้าปืน-สิ่งเทียมอาวุธปืนทุกชนิด พร้อมกระสุน คนมีบีบีกัน แบลงค์กัน ให้แจ้งนายทะเบียน สั่งผู้ว่าฯ งดออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน ห้ามเด็กต่ำ 20 ปีเข้าสนามยิงปืน เว้นนักกีฬายิงปืนทีมชาติ แต่ต้องฝากปืนไว้ที่สนามเท่านั้น ขอดีอีเอส ปราบเว็บขายปืนเถื่อน รายงานตรง มท.ทุก 15 วัน


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมพิจารณาแนวทางการออกใบอนุญาตพกปืนแก่บุคคลทั่วไปว่า จากการหารือร่วมกับนน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ตำรวจ กรมศุลกากร กระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจ และสังคม กระทรวงสาธารณสุข ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการระยะสั้น ดังนี้

1. ให้นายทะเบียนอาวุธปืนทั่วประเทศ เช่น นายอำเภอในต่างจังหวัดและใน กทม.งดออกใบอนุญาตให้สั่งนำเข้าหรือค้าซึ่งสิ่งเทียมอาวุธปืนทุกชนิด ไม่เฉพาะปืน และไม่อนุญาตให้รายใหม่ขออนุญาตเป็นผู้ค้า สั่งนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืนเพิ่ม


2.ขอให้ผู้ครอบครองแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนที่อาจจะดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ โดยให้นำแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนของตนเองที่ครอบครองอยู่ไปแสดงและทำบันทึกต่อนายทะเบียนอาวุธปืนตามภูมิลำเนา ที่มีทะเบียนบ้านอยู่

3.ให้กรมศุลกรกรตรวจสอบการนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืน โดยเฉพาะแบลงค์กันและบีบีกัน ที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนให้เข้มงวด

4.ให้การกีฬาแห่งประเทศไทยที่กำกับดูแลสนามยิงปืนที่จดทะเบียนเป็นสมาคมกีฬาทั่วประเทศ ให้กวดขัน ตรวจสอบทั่วประเทศดังนี้ ห้ามผู้มีอายุอายุไม่เกิน 20 ปี เข้าสนามยิงปืน ยกเว้นได้รับอนุญาตตามระเบียบการกีฬาแห่งประเทศไทย อาทิ นักกีฬายิงปืนทีมชาติ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในสนามยิงปืน ต้องมีทะบียนถูกต้อง และต้องตรงตัวกับผู้ที่นำมาใช้บริการ ไม่สามารถไปยืมของใครมาใช้ได้ ห้ามนำกระสุนปืนออกนอกเขตสนามยิงปืนเป็นอันขาด ส่วนสนามยิงปืนในกำกับดูแลของส่วนราชการ ขอให้ดำเนินการกวดขันตรวจสอบให้ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการและข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด ต่อไปนี้จะบอกว่าเก็บปืนไว้ที่บ้าน แล้วพกมาสนามยิงปืนไม่ได้ ถ้าเป็นนักกีฬา หรือเป็นสโมสรใดก็ตาม ต้องฝากอาวุธปืนของตัวเองไว้ที่สนามยิงปืน โดยสนามต้องมีวิธีการรักษา ควบคุม เก็บรักษาให้ผู้มาใช้อาวุธดังกล่าว ขอย้ำว่า นำออกนอกสนามไม่ได้ จนกว่าจะพ้นจากการเป็นสมาชิกที่มาใช้งาน ก็จะต้องขออนุญาตเป็นรายครั้งในการพกพาอาวุธปืนไปที่ใด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว


5.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศงดออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว

6.กระทรวงมหาดไทยไม่มีนโยบายดำเนินโครงการอาวุธปืนสวัสดิการให้กับประชาชนทั่วไป แต่สำหรับเจ้าพนักงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการป้องกัน ปราบปรามจะมีได้แค่คนละ 1 กระบอก แล้วห้ามโอนต่อ หากผู้ครอบครองเสียชีวิตก็ให้ตกเป็นของทายาทตามระเบียบ

7.ให้นายทะเบียนงดออกใบอนุญาตสั่งนำเข้าอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนของร้านค้าอาวุธปืนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ช่วงนี้ตนจะไม่อนุญาตให้มีการเปิดร้านค้าอาวุธปืนรายใหม่ เพื่อลดความวิตกกังวลของประชาชน และลดการเข้าถึงการครอบครองอาวุธปืนของประชาชนทั่วไปให้มากที่สุด

“คนที่พกปืนไป – มาผิดกฎหมายทั้งนั้น ประชาชนทั่วไปในประเทศนี้ ไม่สามารถแต่งตัวแล้วพกปืน ไม่สามารถเอาปืนพกเหน็บเอวแล้วไปไหนต่อไหนก็ได้ตามสะดวกแล้วอ้างว่าเพื่อป้องกันตัว เพราะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย การอนุญาตให้พก ไม่ได้อนุญาตให้ทำแบบนี้ คนที่มีใบอนุญาตครอบครอง หรือพกพาถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่คนทำผิด แต่คนที่ไปก่อเหตุ มีเรื่องมีราว คือพวกผิดกฎหมายทั้งนั้น เช่น ปืนไม่ใช่ของตัวเอง ปืนเถื่อน ซื้อมาจากแหล่งไหนก็ไม่รู้ เป็นคนที่ตั้งใจทำผิดกฎหมาย ตรงนี้ตำรวจเร่งดำเนินคดีในทุกกรณี ข้อกำหนดของเราที่ออกมา คือ ห้ามพกพาและห้ามซื้อใหม่ ใครมีก็เก็บเอาไว้ที่บ้าน และเก็บรักษาไว้ให้ดี โดยเฉพาะเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเอาไปใช้ เจ้าของปืนมีความผิดด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า จะมาอ้างว่าต้องการพกอาวุธเพื่อป้องกันตัวไม่ได้ การอนุญาตให้คนพกพาอาวุธปืนได้ ก็เหมือนเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดความรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดีอีเอส ปิดเว็บไซต์ เพจออนไลน์การซื้อขายอาวุธปืนเถื่อน และสิ่งเทียมอาวุธปืนดัดแปลงเป็นอาวุธปืน โดยให้รายงานผลการปฏิบัติงานให้กระทรวงมหาดไทยรับทราบทุกๆ 15 วัน การหารือในวันนี้พยายามที่จะใช้กฎหมายที่อยู่ในกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย เพื่อบังคับใช้อย่างเต็มที่ ส่วนอื่นที่นอกเหนือกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นของหน่วยงานอื่นๆ หากมีเรื่องใดที่จำเป็นที่จะมีข้อเสนอเข้ามา จะมีการแก้ไขกฎหมาย หรือตรากฎหมายใหม่ ก็เสนอมา แล้วจะนำเรื่องเรียนให้นายกรัฐมนตรีรับทราบและให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการต่อไป โดยรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติคงต้องช่วยกันเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้ ข้อกฎหนดที่หารือกัน จะไปยกร่างเป็นหนังสือสั่งการเพื่อแจ้งให้ผู้ปฏิบัติรับทราบต่อไป ให้มีผลบังคับใช้ทันที

เมื่อถามย้ำว่า จะกวาดล้างการครอบครองปืนที่ถูก และไม่ถูกกฎหมายอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ปืนที่มีทะเบียนนั้นทราบอยู่แล้วว่าเป็นของใคร ส่วนปืนบีบีกัน และสิ่งเทียมอาวุธปืนให้มาขึ้นทะเบียนกับกรมการปกครองทุกกระบอก เมื่อขึ้นทะเบียนแล้ว อย่างน้อยก็จะรู้ว่าเป็นของใคร ถ้าเปลี่ยนมือแล้วไม่มาแจ้ง หากมีอะไรก็ต้องรับผิดชอบ และถ้าไม่มาขึ้นทะเบียน เมื่อมีการตรวจค้น ตรวจจับ หรือมีใครนำไปใช้ก็จะถูกจับกุมและมีโทษ ส่วนกรอบเวลาเปิดให้แจ้งครอบครองสิ่งเทียมอาวุธปืน เช่น 30 วัน 60 วัน หรือ 90 วัน อธิบดีกรมการปกครองจะไปพิจารณาและนำมาเสนอ ทั้งหมดนี้เป็นกรอบปฏิบัติ อาจจะมีเพิ่มเติมเข้ามาได้ ถ้าอยู่ในขอบเขตอำนาจของกรมการปกครองเราก็จะดำเนินการ

ด้านนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับมาตรการระยะยาวคือ การแก้ไขพ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 (1) ต้องมีเอกสารใบรับรองแพทย์ที่รับรองเรื่องสุขภาพจิต ภาวะทางจิตใจ ที่ผู้ขออนุญาตซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนต้องใช้ประกอบในการยื่นคำขอ (2) ความหมาย บทนิยาม ของคำว่า “สิ่งเทียมอาวุธปืน” ไม่ให้หมายความรวมถึงแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนอื่น ที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ง่าย (3) กำหนดให้ผู้ที่จะซื้อสิ่งเทียมอาวุธปืนที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ ต้องยื่นคำขอต่อนายทะเบียนอาวุธปืน (4) ผู้ครอบครองอาวุธปืนทั่วประเทศทั้งรายเดิมที่มีอยู่แล้ว และรายใหม่ ที่อาจจะมีเพิ่มขึ้นจะต้องนำอาวุธปืน มายิงทดสอบเก็บข้อมูลหัวกระสุนทุกกระบอก ทุกราย (5) ให้ใบอนุญาตมีอาวุธปืนภายในวงเล็บ (ป.4) มีอายุของใบอนุญาต ซึ่งผู้ที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้ว จะต้องนำอาวุธปืนมารายงานตัว กับนายทะเบียน ในทุก 5/10 ปีเพื่อพิจารณาต่ออายุใบอนุญาตเช่นเดียวกันกับใบขับขี่รถยนต์. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]