สส.ก้าวไกล ถามทิศทางการบริหารชายแดนใต้

รัฐสภา 21 ก.ย. – “รอมฎอน” ตั้งกระทู้ถามถามทิศทางการบริหารชายแดนใต้ หลัง ครม. ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน หวังรองนายกฯ เดินสายฟังเสียงผู้ได้รับผลกระทบ ด้าน “สมศักดิ์” เผยนายกฯ หวังยกเลิกพื้นที่ทั้งหมดภายในปี 2570

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายรอมฏอน ปันจอร์ สส.สตูล พรรคก้าวไกล เสนอญัตติตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา  นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) มีส่วนรับผิดชอบ เรื่องการขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้   โดย นายรอมฎอน กล่าวว่า ไม่มั่นใจว่ารัฐบาลมีความมุ่งมั่นจริงจังกับการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เพียงใด ในวันแถลงนโยบายจึงได้ตั้งคำถามว่า ครม. จะมีการต่ออายุขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งเดิมจะหมดอายุในวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาหรือไม่ และจะยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกที่ใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาตลอด 20 ปีหรือไม่ ผลสรุปว่ามติ ครม. เมื่อวันที่ 18 กันยายน ได้มีการขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงอีกเป็นครั้งที่ 73 แต่มีความแตกต่างจากอดีตเพราะเป็นการต่ออายุเพียง 1 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน จนถึง 20 ตุลาคม และจะลดระดับพื้นที่ลงอีก 1 อำเภอ และในวันเดียวกัน ประกาศใช้กฎหมายฉบับพิเศษในพื้นที่ดังกล่าวด้วย

นายรอมฏอน กล่าวว่า ปัญหาของ 3 กฎหมายพิเศษ ได้แก่ กฎอัยการศึก, พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ปี 2549  ซึ่งประกาศใช้มาเป็นเวลายาวนาน ได้ก่อให้เกิดการลอยนวลพ้นผิดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง หากรัฐบาลต้องการสร้างหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง กฎหมายทั้ง 3 ฉบับนี้ควรได้รับการทบทวน เพราะมีความเสี่ยงจะละเมิดสิทธิมนุษยชนและทำลายความชอบธรรมของอำนาจรัฐด้วยตัวมันเอง

นายรอมฎอน สอบถามไปยังรัฐบาลว่า การลดระดับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน   เป็นเวลา 1 เดือนนี้ เท่ากับว่ารัฐบาลมีทิศทางในการแก้ปัญหากฎหมายพิเศษในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร พร้อมถามด้วยว่าจะยกเลิกกฎอัยการศึกเมื่อใด แล้วมีแผนในการบริหารจัดการภายใต้กฎหมายพิเศษนี้อย่างไร

ด้านนายสมศักดิ์ ชี้แจงว่า การกำหนดพื้นที่ของรัฐบาลนี้ไม่ได้ทำขึ้นมาโดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นการบูรณาการของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งมีเป้าหมายจะยกเลิกพื้นที่ทั้งหมดนี้ภายในปี 2570 โดยมีตัวชี้วัดการดำเนินการอย่างน้อยปีละ 2 อำเภอ ก่อนจะปรับลดเงื่อนไขทั้งหมดลง โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางในการปฏิบัติ เนื่องจากเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีความเข้าใจในพี่น้องประชาชน ได้สั่งการให้ตนเองเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง พบว่าความเห็นของการยกเลิกกฎหมายพิเศษต่างๆ นั้นยังมีความไม่เด็ดขาด และมองว่าควรมีแผนรองรับที่ชัดเจน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของคนในสังคม

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้รวบรวมความคิดเห็นของคนในพื้นที่ให้แล้วเสร็จภายในเวลา 2  สัปดาห์ ว่ามีความต้องการอย่างไร ก่อนจะดำเนินการทำแผนรับรอง แม้ว่าเพิ่งจะมารับตำแหน่งนี้ได้เพียง 2 วัน ก่อนจะมาตอบกระทู้ถาม ต้องขอเวลาในส่วนของการดำเนินการต่างๆ เพราะนายกรัฐมนตรีเร่งรัดให้ดำเนินการโดยรวดเร็ว และตนคงไม่ขอตอบไปในรายละเอียดลึกลงไปกว่านี้ เพราะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 30 วัน  ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งเรื่องต่างๆ

นายรอมฎอน กล่าวว่า เข้าใจว่านายสมศักดิ์เพิ่งมารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และพยายามตอบคำถามให้ดีที่สุด ทราบมาว่าในการประชุมนายกรัฐมนตรีได้พูดถึงกฎอัยการศึกด้วย จึงเห็นว่านายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับหัวใจของปัญหา การเดินสายฟังเสียงประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ แต่อยากให้กรุณาฟังเสียงของผู้ที่ได้รับผลกระทบ  หรือเคยถูกควบคุมตัวภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ด้วยได้หรือไม่ เพื่อได้ฟังเสียงที่แตกต่างออกไป ไม่ใช่แค่ทางเจ้าหน้าที่หรือผู้นำเท่านั้น แต่จะเอาคนที่มีประสบการณ์โดยตรง และอยู่ภายใต้การกดดันเหล่านั้น อาจจะทำให้เราสามารถประเมินกฎหมายพิเศษทั้ง 3 ได้อย่างรอบด้านจริงๆ ขณะที่นายสมศักดิ์ตอบว่า ต้องรับฟัง และหากคุณรอมฎอนจะช่วยด้วยก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง เพราะเราอยากรับฟังอย่างหลากหลายและช่วยกัน จะสามารถเดินไปได้ด้วยดี.-สำนักข่าวไทย