สหรัฐ 21 ก.ย. – นายกรัฐมนตรี แสดงความเชื่อมั่นไทยพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศบรรลุเป้าหมาย SDGs ได้ โดยปฏิรูปสถาปัตยกรรมทางการเงิน เพื่อเป็นทุนในการพัฒนาให้ครอบคลุมอย่างยั่งยืน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมการประชุม High-Level dialogue on financing for Development ซึ่งได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาจะสามารถบรรลุเป้าหมาย SDGs ได้นั้น จำเป็นต้องได้รับเงินสนับสนุนเพื่อการพัฒนา พร้อมเสนอให้ปฏิรูปสถาปัตยกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อขับเคลื่อนเงินทุนเพื่อการพัฒนาอย่างครอบคลุม ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ 3 ประเด็นสำคัญ โดยประเทศกำลังพัฒนาควรมีบทบาทสำคัญในสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เพื่อให้งบประมาณที่จะนำไปใช้เพื่อความยั่งยืนสามารถจัดการกับต้นทุนหนี้ที่สูงและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากหนี้ในประเทศกําลังพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และ UNESCAP จะร่วมกันจัดเสวนาในหัวข้อ “Sustainable Finance : Bridging the Gap in Asia and the Pacific” ในวันที่ 2 ตุลาคม 2566 ที่กรุงเทพฯ เพื่อมุ่งหวังให้เกิดข้อเสนอแนะที่เป็นรูปธรรม เพื่อส่งเสริมการจัดหาเงินทุนเพื่อการพัฒนาในภูมิภาคอย่างครอบคลุมและทั่วถึง ประเทศไทยยังสนับสนุนการขยายธนาคารเพื่อการพัฒนาแบบพหุภาคี เพื่อส่งเสริมเงินทุนสำหรับใช้ก่อสร้างโครงการเพื่อการพัฒนาต่างๆ รวมถึงเพื่อเป็นกลไกในการรับมือกับวิกฤติสภาพคล่องทางการเงินในภูมิภาคได้ดีขึ้น
ส่วนการปฏิรูปสถาปัตยกรรมทางการเงิน ควรส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมุ่งเน้นที่การลดต้นทุนการทำธุรกรรม และการขยายการเข้าถึงบริการทางการเงิน และทำให้เกิดความปลอดภัยของข้อมูล ความโปร่งใส เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดหาเงินทุนเพื่อการพัฒนา และการปกป้องสภาพภูมิอากาศ การพัฒนา การลดความยากจน ต้องดำเนินการไปด้วยกัน จึงต้องปฏิรูปที่ตอบสนองต่อความต้องการในการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในโครงการที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสภาพภูมิอากาศ และสอดคล้องกับความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการเงินที่ยั่งยืน โดยประเทศไทยได้ออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bonds) และส่งเสริมความร่วมมือตราสารที่เกี่ยวข้องกับ ESG ในตลาดทุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 เพื่อนำมาพัฒนาโครงการเพื่อความยั่งยืนในหลายโครงการ และในปีหน้าจะมีการออกตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-linked Bond) เพื่อกระตุ้นตลาดตราสารหนี้สีเขียว (Green Bond market) รวมถึงจะมีการพัฒนากรอบ ‘Thailand Taxonomy’ เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการลงทุนและการจัดหาเงินทุนที่ยั่งยืนสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยนายกรัฐมนตรีหวังว่า แนวคิดและข้อเสนอแนะในการประชุมครั้งนี้ จะได้รับการต่อยอดในการประชุม UNGA78 และการประชุมระดับสูงอื่นๆ รวมทั้งยืนยันความพร้อมของไทยที่จะสนับสนุนความร่วมมือด้านการเงินเพื่อการพัฒนาร่วมกับนานาประเทศ และพร้อมมีส่วนร่วมในการหารือเพื่อออกนโยบายในประเด็นที่มีความสำคัญและเร่งด่วนอื่นๆ. – สำนักข่าวไทย