มท.1 ติดตามงานจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน

ภูเก็ต 11 มิ.ย.- มท.1 ลงพื้นที่ประชุมติดตามการขับเคลื่อนงานในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เน้นย้ำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่ต้องมุ่งมั่นขับเคลื่อนบูรณาการงานอย่างเต็มศักยภาพเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชน


วันนี้ (11 มิ.ย. 66) เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุม Bon-Maithon โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) เป็นประธานการประชุมติดตามการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายอำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นายดนัย สุนันทารอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายธีรยุทธ สำราญทรัพย์ ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ร่วมประชุม

“ขอเป็นกำลังใจให้จังหวัดภูเก็ตทุกภาคส่วนที่ได้เตรียมการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงาน Specialised Expo 2028 ภายใต้ชื่องาน EXPO 2028 – Phuket, Thailand ซึ่งจากการได้เคยลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้า นับว่าพื้นที่ที่กำหนดไว้มีความเหมาะสมต่อสิ่งแวดล้อม มีระบบการจัดการน้ำเสียที่มีมาตรฐาน จึงขอร่วมสนับสนุนให้จังหวัดภูเก็ตได้รับโหวตเลือกเป็นเจ้าภาพการจัดงานจากประเทศสมาชิก” มท.1 กล่าวในช่วงต้น


จากนั้น พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมติดตามการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งหน้าที่ที่สำคัญในการบริหารราชการจังหวัด เพื่อที่จะยังประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืนให้กับพี่น้องประชาชน ต้องมี “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ในฐานะพ่อเมือง ที่ถือเป็นบุคคลสำคัญ ทำหน้าที่บูรณาการประสานพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน ดังนั้นไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจสังคมจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ผู้ว่าราชการจังหวัดคือตำแหน่งที่มีความสำคัญกับจังหวัดและประเทศไทย

จากนั้น พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ได้ติดตามการขับเคลื่อนงานตามภารกิจสำคัญ ได้แก่ 1) การบริหารจัดการขยะและการจัดการน้ำเสีย ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยจังหวัด ต้องกำกับการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เริ่มจากต้นทาง คือ รณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง คือ ครัวเรือน ตามหลัก 3ช (3Rs) คือ ใช้น้อย (Reduce) ใช้ซ้ำ (Reuse) และนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) เพราะ “การจัดการขยะ ถ้าทำได้ตั้งแต่ต้นทาง คือ แยกขยะ ปลายทาง คือ อปท. ก็จะกำจัดง่าย แต่ถ้าทำไม่สำเร็จตั้งแต่ต้นทาง ปลายทางก็จะประสบปัญหา” โดยเฉพาะอย่างในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งอันดามัน ถ้าบริหารจัดการไม่ดี ขยะก็จะลงสู่ระบบระบายน้ำ สุดท้ายก็จะลงสู่ทะเลกลายเป็นขยะทะเล (Marine debris) ซึ่ง “ขยะที่อยู่ในระบบ 3Rs แยกตั้งแต่ต้นทาง เพื่อปลายทางจัดเก็บ ถือว่าในขณะนี้มีความก้าวหน้าและสร้างจิตสำนึกให้กับพี่น้องประชาชนได้ระดับหนึ่งแล้ว แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ ขยะที่ไม่อยู่ในระบบ ที่ทิ้งไม่เป็นที่เป็นทาง สุดท้ายก็จะลงท่อระบายน้ำ กลายเป็นขยะลงสู่ทะเล กลายเป็นขยะทะเล (Marine debris) และอีกเรื่องสำคัญที่จังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวต้องให้ความสำคัญ คือ การจัดการน้ำเสีย ที่ต้องรณรงค์ให้บ้านจัดสรรและสถานประกอบการ ทั้งโรงแรม โรงงาน ติดตั้งถังดักไขมันระบบบริหารจัดการน้ำเสียที่ได้มาตรฐานสากล” 2) การเตือนภัยและความพร้อมในการรับมือภัยสึนามิ ที่ขณะนี้เรามีหอเตือนภัยมากกว่า 130 หอ และมีทุ่นที่ได้มาตรฐาน จึงขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้สำรวจและใช้หอกระจายข่าวให้เป็นช่องทางสื่อสารเพิ่มเติม เพราะมีอยู่ในทุกพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน รวมทั้งขอให้หมั่นตรวจระบบแจ้งเตือนให้มีความพร้อมและใช้งานได้ตลอดเวลา การติดตั้งป้ายเตือนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวมถึงที่หลบภัย (shelter) ต้องพร้อม และประชาชน/นักท่องเที่ยวต้องรู้วิธีปฏิบัติตนเมื่อได้รับการแจ้งเตือนภัย 3) การส่งเสริมการท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน ซึ่งภาคเอกชนมีความสำคัญที่ต้องร่วมกับภาครัฐโดยกลไกคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เพื่อเสริมศักยภาพการท่องเที่ยว ยังประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน “โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องจับมือภาคเอกชน ผู้ประกอบการ รณรงค์ให้เห็นความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ ความสำคัญของความซื่อสัตย์ของผู้ประกอบการ ระบบขนส่งสาธารณะ สร้างจิตสำนึกให้เป็นเจ้าบ้านที่ดี ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยมิตรไมตรีและน้ำใสใจจริง เพราะการท่องเที่ยวจะเป็นที่ประทับใจและทำให้นักท่องเที่ยวกลับมาท่องเที่ยวเสริมสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศของเราได้อีก ขึ้นอยู่กับคนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทุกคน” 4) การแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนด้วยกลไก ศจพ. ที่พวกเราชาวมหาดไทยได้ใช้แพลตฟอร์ม ThaiQM สำรวจข้อมูลเพิ่มเติมนั้น การแก้ปัญหาจะไม่สำเร็จ “ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดไม่เป็นผู้นำบูรณาการขับเคลื่อน” จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการแก้ปัญหาร่วมกับภาคีเครือข่ายในทุกมิติ ทำให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน และ 5) การจัดที่ดินทำกินให้ประชาชน ขอให้ได้นำแนวทางของท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย ตั้ง warroom ของจังหวัด และเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ และภาคีเครือข่าย มาหารือร่วมกัน รวมทั้งใช้กลไก คทช. ในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีที่ดินทำกินเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

ด้านนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวถึงการบริหารจัดการขยะ โดยในส่วนของการบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง นับตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ช่วยกันขับเคลื่อนการจัดการถังขยะเปียกลดโลกร้อน ใน Phase แรก 7 จังหวัด และเพิ่มเติมอีก 22 จังหวัด เพื่อทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถใช้ถังขยะเปียกลดโลกร้อนในการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า บมจ.ธนาคารกสิกรไทย ได้รับซื้อ เป็นเงิน 260 บาทต่อตัน โดยเงินจำนวนนี้จะกลับไปที่ อปท. เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป พร้อมทั้งได้ให้ข้อเสนอแนะในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยขอให้ทางจังหวัดภูเก็ตได้ร่วมกับภาคเอกชน หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยเรือส่วนตัว เรือยอร์ช ให้สามารถอยู่ในประเทศไทยนานขึ้น ซึ่งหากเราทำสำเร็จจะสามารถดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนและประเทศไทย นอกจากนี้ ขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เน้นย้ำท่านนายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปท. ครู อสม. รพ.สต. ฯลฯ ช่วยกันสร้างการรับรู้ขยายผล “แอปพลิเคชัน ThaiD” ให้เป็นที่รับทราบอย่างแพร่หลายขึ้น เพื่อประชาชนทุกช่วงวัยจะได้ใช้ประโยชน์ เพราะเป็นประโยชน์ในด้านการยืนยันตัวตน ซึ่งขณะนี้มีผู้ดาวน์โหลดใช้งานแล้วกว่า 3 ล้านคน และเมื่อคนไทยทุกคนใช้ประโยชน์เป็นจำนวนมากถึงร้อยละ 50 จะได้มีการพัฒนาสู่ระบบกระเป๋าเอกสารราชการภาครัฐแบบดิจิทัล ทำให้เราสามารถอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชน และเป็นประเทศไทย 4.0 อย่างแท้จริง


“สำหรับในเรื่องการสำรวจความเดือดร้อนประชาชนด้วยระบบ ThaiQM ขณะนี้ สภาพปัญหาที่ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกพื้นที่กำลังประสบ คือ ประชาชนไม่มีบ้าน หรือมีแต่ไม่มั่นคงแข็งแรง มีสภาพชำรุดทรุดโทรม และยังมีเด็กไม่ได้เรียนตามเกณฑ์เป็นจำนวนมาก จึงขอให้ได้เร่งบูรณาการช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อนให้สำเร็จ ด้วยกลไกทีมอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อทำให้ความเดือดร้อนของคนหมดไป รวมถึงปัญหาเรื่องที่ดินทำกินของพี่น้องประชาชน ซึ่งจากข้อมูลการสำรวจพบว่ามีมากถึง 8,022 ปัญหา ทำให้ขาดโอกาสการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เท่าเทียมกัน เช่น บ้านอยู่ในพื้นที่สาธารณะ พื้นที่ป่า จึงขอให้พวกเราได้ช่วยกันตั้ง warroom จังหวัด แล้วเชิญหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ เช่น สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรมเจ้าท่า และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาหารือกับผู้นำท้องที่ ผู้บริหาร อปท. เพื่อหาทางแก้ไขการใช้ที่ดินให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป พร้อมทั้งยังได้กล่าวถึงการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งน้ำเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา 28 กรกฎาคม 2566 เพื่อ “แก้ไขในสิ่งผิด” คืนความสุขให้กับพี่น้องประชาชน ด้วยการเพิ่มเติมการปรับปรุงพัฒนาแหล่งน้ำ และหมั่นลงพื้นที่ไปช่วยกันตรวจเยี่ยมแหล่งน้ำที่ได้มีการปรับปรุงแล้ว ให้ได้มีสภาพที่สะอาด สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย น้ำมีคุณภาพ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ด้วยการปลูกพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร สร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับคนในชุมชน เพื่อที่จะคงสภาพความยั่งยืน ยังผลต่อการท่องเที่ยว และคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชนทุกคน

ด้านนายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวถึงการจัดงาน Specialised Expo 2028 ภายใต้ชื่องาน EXPO 2028 – Phuket, Thailand ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณจำนวน 4,180 ล้านบาท ให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงานตามแนวคิดจัดงาน Future of Life : Living in Harmony, Sharing Prosperity ชีวิตแห่งอนาคต-แบ่งปันความรุ่งเรือง โดยใช้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ทั้ง 17 มิติ ขององค์การสหประชาชาติ (UN) มาถอดรหัสออกแบบ โดยให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนของโลก และจะมีแพลตฟอร์มที่ประเทศสมาชิกสามารถมาแลกเปลี่ยนกันได้ จึงถือได้ว่า Specialised Expo 2028 ภายใต้ชื่องาน EXPO 2028 – Phuket, Thailand เป็นการพัฒนายุทธศาสตร์การท่องเที่ยวยั่งยืนจังหวัดภูเก็ตระยะ 5 ปีต่อเนื่องจากการที่ ครม. เห็นชอบโครงการศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน โดยมีสถานที่ตั้งโครงการอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) และศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในอนาคต ทั้งนี้ Specialised Expo เป็นงาน Expo ที่มีขนาดย่อมจาก World Expo โดยปกติจะจัด 5 ปี/ครั้ง และในการจัดงานปี 2028 มีประเทศที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพ รวม 5 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา เซอร์เบีย สเปน อาร์เจนตินา และภูเก็ต (ประเทศไทย) ซึ่งในขั้นตอนหลังจากนี้ กำลังเข้าสู่การเตรียมนำเสนอความพร้อมของประเทศ (Country Presentation) ต่อคณะกรรมการ Bureau International des Expositions (BIE) ในวันที่ 20-21 มิถุนายน 2566 นี้ และจะมีการโหวตสนับสนุนจากประเทศสมาชิก รวม 124 ประเทศ ในวันที่ 21 มิถุนายน 2566 ที่ประเทศฝรั่งเศส .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]

บ้านดอนตัน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังจมน้ำ

น่าน 18 ก.ค. – “บ้านดอนตัน” จ.น่าน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังคงจมน้ำ น้ำใจหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งเยาวชนฝีพายเรือแข่งอำเภอท่าวังผา ขนน้ำดื่มลงเรือแจกจ่ายช่วยชาวบ้าน สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.น่าน ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่บ้านดอนตัน หมู่ 4 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ชาวบ้านกว่าร้อยหลังคาเรือนยังอาศัยอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร ประชาชนต้องย้ายสิ่งของขึ้นชั้น 2 เพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว ต้องอพยพไปพักอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียง หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและจิตอาสา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยจัดส่งอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของจำเป็น โดยเฉพาะเยาวชนฝีพายเรือแข่งจากบ้านสบหนอง อำเภอท่าวังผา นำเรือออกให้ความช่วยเหลือในการขนส่งน้ำดื่มและอาหารไปยังบ้านที่ถูกน้ำล้อม เพื่อส่งต่อถึงผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในบ้าน ผู้ใหญ่บ้านดอนตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและ มีแนวโน้มลดลง แต่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดแม่น้ำยังคงมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งไร่ข้าวโพดและลำไย รวมกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ขณะที่หมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ได้แก่ […]