ม.ธรรมศาสตร์ 25 พ.ค. – วงเสวนา กฏหมายอุ้มหาย จี้ นายก – วิษณุ – ผบ.ตร. รับผิดชอบ หลังศาลชี้ พ.ร.ก.เลื่อนการบังคับใช้ กม.อุ้มหาย ขัดรัฐธรรมนูญ แนะ ปชช. หากถูกจับกุมและไม่บันทึกภาพ ถือว่า จนท.ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดเสวนา “พระราชกำหนดเลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันการอุ้มหายทรมาน ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมีผลอย่างไร และใครบ้างที่ต้องรับผิดชอบ” โดยมีนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ นายรณกรณ์ บุญมี ศูนย์กฎหมายอาญาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธาน มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ร่วมเสวนา
นายปริญญา กล่าวว่า กฏหมายอุ้มหายผ่านสภาฯ จากทุกพรรคการเมืองและผ่านวุฒิสภา โดยทุกฝ่ายต่างเห็นชอบ เพราะจากหลายเหตุการณ์ เช่นกรณีบิลลี่ถูกอุ้มหาย หรือ ผู้กำกับโจ้ ถุงดำ แต่เมื่อจะมีการบังคับใช้ กับมีการอ้างความไม่พร้อม ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น เรื่องกล้องบันทึกภาพ และยืดเวลาออกไปจากที่มีผลบังคับใช้อีก 120 วัน แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ เมื่อเวลาใกล้เข้ามาก็มีการเสนอ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้มีการออก พ.ร.ก. เลื่อนการบังคับใช้ออกไปก่อน และก็ผ่านความเห็นจากรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลกฎหมายคือนายวิษณุ เครืองาม โดยเรื่องดังกล่าวแม้จะได้มีการทักท้วงกันแล้ว ว่าไม่เข้าข่ายรัฐธรรมนูญที่ฝ่ายบริหารจะไปแก้กฎหมายที่ผ่านจากกระบวนการนิติบัญญัติไปแล้ว ดังนั้น เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ว่า พ.ร.ก. ดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ ก็ควรมีการแสดงความรับผิดชอบ และควรมีการขอโทษประชาชน
นายปริญญา กล่าวว่า เมื่อ พ.ร.ก. ขัดรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ขณะนี้หากมีการจับกุมและควบคุมตัวในคดีต่างๆ อยากให้ประชาชน รู้ว่าการจะจับกุมต้องมีการบันทึกภาพ และเสียง หากไม่มี ก็สามารถปฏิเสธการจับกุมได้ นอกจากนี้จะต้องเปิดเผยข้อมูลกับญาติว่าจับกุมไปไว้ที่ใด
นายปริญญา ยังชี้ว่า ในฝั่งตำรวจ เรื่องการถ่ายภาพขณะจับกุมก็ไม่ได้กำหนดบทลงโทษไว้ว่าหากไม่ดำเนินการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องโทษอย่างไ รจึงไม่มีเหตุที่จะอ้างกลัวว่าเจ้าหน้าที่จะเดือดร้อน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การเสนอเลื่อนการบังคับใช้เป็น 1 ตุลาคม ก็ เพราะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนปัจจุบันจะเกษียณราชการในวันที่ 30 กันยายน จึงต้องตั้งคำถามว่าเหตุใดนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านกฎหมาย และตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี จึงไม่ตรวจสอบ
ขณะที่นายรณกรณ์ จากศูนย์กฏหมายอาญา ชี้ว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยว่าพ.ร.ก. เลื่อนการบังคับใช้นั้นตกไป แต่ตำรวจที่ทำการจับกุมคุมขังไว้ก่อนหน้านี้ ถือว่าปฏิบัติตามมติและคำสั่ง จึงไม่มีความผิดใดๆ อย่างไรก็ตาม จากนี้ เมื่อกฏหมายอุ้มหายมีผลบังคับใช้ ตำรวจก็ต้องดำเนินการให้ครบกระบวนกา รคือมีการบันทึกวิดีโอ มีการแจ้งอัยการ นายอำเภอ จะอ้างเหตุสุดวิสัยว่าดำเนินการไม่ทันไม่ได้อีกต่อไป
นายสุรพงษ์ จากมูลนิธิผสมผสานวัฒนธรรม เปิดเผยว่า มีคำสั่งลงวันที่ 9 เมษายน 2564 โดยพลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขณะนั้นให้เตรียมเรื่องอุปกรณ์และ มีคำสั่งการบันทึกการจับกุมคุมขัง ต้องมีการบันทึกภาพ ดังนั้นเหตุผลที่ตำรวจจะบอกว่าไม่พร้อม จึงไม่อาจอ้างได้
“มีภาพตำรวจกลุ่มนึงถูกถอดเสื้อ ถอดรองเท้าและยืนตากแดด ซึ่งเกิดคำถามว่าเป็นการละเมิดทรมานหรือไม่ โดยปรากฏเป็นภาพทางโซเชียล แต่ก็ไม่ปรากฏว่าผู้บังคับบัญชาที่สั่งต้องถูกลงโทษหรือรับผลในทางกฎหมายแต่อย่างใด”นายรณกรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ วิทยากรทั้ง 3 คน เห็นตรงกันว่า จะมีการป้องกันหรือดำเนินการอย่างไรในอนาคตเพื่อไม่ให้เกิดกรณีออกพ.ร.ก. ที่ขัดรัฐธรรมนูญ และละเมิดสิทธิประชาชน พร้อมเรียกร้อง นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แสดงความรับผิดชอบ อย่างน้อยต้องขอโทษประชาชน.-สำนักข่าวไทย