นักวิชาการ รุมชำแหละอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ

ธรรมศาสตร์ 24 ส.ค. – นักวิชาการ รุมชำแหละอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ สร้างปัญหาการเมืองไทยหลายครั้ง ไม่พิทักษ์สิทธิประชาชน ขัดหลักวิชาการ-หลักการศาลรัฐธรรมนูญต่างประเทศ – แนะควรผ่าตัดอำนาจศาลให้เหลือเพียงการวินิจฉัยกฎหมาย/รัฐธรรมนูญ – คืนอำนาจวินิจฉัยคดีการเมืองกลับสภา – เสนอใช้มติสภาล่างเสียงข้างมากพิเศษลงมติเลือกตุลาการ สร้างการยอมรับจากฝ่ายค้าน


นายสมชาย ปรีชาชาศิลปกุล รองศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวในงานเสวนาวิชาการเรื่อง “เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ ปกครองบ้านเมือง” ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดขึ้น โดยเห็นว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา ทั้งการยุบพรรค และการสั่งนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี เป็นเสมือนสึนามิ ที่กวาดหลักวิชาการ จนทำให้ประชาชนเป็นผู้ประสบภัย โดยศาลรัฐธรรมนูญได้สร้างปัญหาให้กับการเมืองไทยหลายครั้ง เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ไม่ใช่ปรากฏการณ์เฉพาะหน้า จนนักวิชาการต่างชาติเรียกปรากฏการณ์นี้ว่าเป็น ตุลาการธิปไตย ทั้งที่แนวคิดในอดีตเห็นว่า ควรให้มีอำนาจตุลาการ หรือตุลาการภิวัฒน์ เข้ามามีบทบาทและแก้ไขปัญหาทางการเมือง แต่ปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญกลับเป็นส่วนขยายของตุลาการ และส่วนราชการมากขึ้น ทั้งที่นักวิชาการคาดหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้กระบวนการประชาธิปไตยของไทยเดินหน้าต่อไปได้

นายสมชาย ยังเห็นว่า บทบาทศาลรัฐธรรมนูญในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบรุนแรงไม่น้อยกว่าการรัฐประหาร ทั้งการยุบพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ทั้งไทยรักไทย พลังประชาชน อนาคตใหม่ และก้าวไกล ซึ่งพรรคต่าง ๆ ที่ถูกยุบ เป็นพรรคที่ได้รับความนิยม และยืนอยู่ตรงข้ามชนชั้นนำ รวมถึงการปลด 4 นายกรัฐมนตรี ซึ่งสะท้อนตุลาการธิปไตย ใช้อำนาจตุลาการอยู่เหนืออำนาจนิติบัญญัติ และบริหาร และในต่างประเทศ ก็เป็นที่ถกเถียงกันว่า เป็นเสียงส่วนน้อยที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงทำให้เกิดข้อสงสัยตามมาว่า กระบวนการดังกล่าวสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยหรือไม่ และเมื่อใดที่ชนชั้นนำไม่สามารถเอาชนะได้ในสนามการเลือกตั้ง หลาย ๆ ประเทศ ก็จะใช้อำนาจตุลาการจัดการกับกลุ่มคนที่มาจากการเลือกตั้ง จึงทำให้องค์กรอิสระที่ใช้อำนาจตุลาการ หรือกึ่งตุลาการ ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ, กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เข้ามากำกับทิศทางทางการเมืองมากขึ้น จนเจตน์จำนงของประชาชนถูกล้มไปด้วยคนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง


นายสมชาย ยังเสนอว่า ควรลดอำนาจตุลาการในการตัดสินประเด็นทางการเมือง ให้การเมือง หรือประชาชนเป็นผู้ตัดสิน และให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาเฉพาะประเด็นทางกฎหมาย หรือประเด็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ พร้อมลดอำนาจผู้พิพากษาอาชีพ และระบบราชการ หยุดให้ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นส่วนขยายของระบบข้าราชการชั้นสูง และเพิ่มอำนาจประชาชนในการกำกับ และตรวจสอบศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงได้

นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้ช่วยศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่า บทบาทของศาลรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ไม่ได้เป็นการพิทักษ์สิทธิประชาชน พร้อมยังมองว่า ที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่วุฒิสภาชุดที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เป็นผู้สรรหานั้น ยังเป็นปัญหา รวมถึงที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะการตีความรัฐธรรมนูญ จนทำให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญขณะนี้อยู่เหนืออำนาจบริหาร ตุลาการ และนิติบัญญัติ รวมถึงกระบวนการวินิจฉัย ก็เป็นการลงมติ ไม่ใช่การพิจารณาตามบทบัญญัติของกฎหมาย และยังยังไม่การถ่วงดุลอำนาจศาลรัฐธรรมนูญด้วย

นายปริญญา ยังกล่าวถึงกรณีที่มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคก้าวไกลว่า กระทบต่อสิทธิประชาชนจนจำนวนมาก ทั้งกรรมการบริหารพรรค, สส., และประชาชนที่บริจาคเงินให้กับพรรคฯ จนทำให้เกิดการเสียสิทธิ รวมถึงกระบบวนการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ ก็ยังเป็นปัญหา เพราะมีอำนาจสั่งยุติการไต่สวนได้ ซึ่งในการตัดสินยุบพรรคนั้น ควรเปิดโอกาสให้คู่ความได้โต้ยังกันได้อย่างเต็มที่


นายปริญญา ยังเสนอว่า ให้เปลี่ยนศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นศาลมีความเชี่ยวชาญเฉพาะ และกระบวนการพิจารณาจะต้องเปิดโอกาสให้คู่ความสามารถโต้แย้งได้เต็มที่ และแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 210 ให้ศาลยึดถือมาตรา 188 คือ พิจารณาคดีโดยอิสระ รับผิดชอบ เป็นธรรม ปราศจากอคติ ตรวจสอบได้ ยึดถือรัฐธรรมนูญและอยู่ภายใต้กฎหมายในการวินิจฉัย พร้อมแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 72 และ 75 ให้หารือข้อกฎหมายให้ได้ข้อยุติ แทนการลงมติคำวินิจฉัย รวมถึงแก้ไขมาตรา 58 ให้กระบวนการพิจารณาศาลให้ผู้ถูกร้องได้โต้แย้งข้อกล่าวหาด้วยหลักฐานได้อย่างเต็มที่ จึงสนับสนุนให้ทุกพรรคการเมืองเสนอแก้ไข เพราะทุกพรรคการเมือง มีสิทธิถูกยุบได้ รวมถึงเสนอให้การสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหลังจากนี้ จะต้องเคร่งครัดเรื่องอิสระ เป็นธรรม ปราศจากอคติ

นายณรงค์เดช สรุโฆษิต รองศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงหลักการยุบพรรคการเมืองในต่างประเทศ อาทิ เยอรมัน ที่เคยสั่งยุบพรรค 2 พรรคได้แก่ พรรคนาซีใหม่ และพรรคคอมมิวนิสต์ ที่พรรคการเมือง จะไม่ถูกยุบพรรคโดยไม่ยึดคุณค่าประชาธิปไตย สามารถคิดว่า อุดมการณ์อื่นดีกว่าได้ ยกเว้นมีการกระทำ ทัศนคติที่จะทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ ซึ่งพรรคนาซีใหม่มีอุดมการณ์นาซี ปฏิเสธรัฐธรรมนูญ แต่ศาลรัฐธรรมนูญเยอรมัน ได้พิจารณาถึงความเป็นปฏิบัติ จะต้องมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น และพรรคนาซีใหม่ยังห่างไกลที่จะเกิดขึ้นได้ เแต่มีการใช้กำลัง สร้างบรรยากาศแห่งความกลัว หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลัง จึงเป็นปัจจัยให้ยุบพรรคได้ รวมถึงเยอมันยังมีการแก้รัฐธรรมนูญ ที่นอกเหนืออำนาจยุบพรรคการเมืองแล้ว ยังมีอำนาจสั่งงดให้เงินอุดหนุนแก่พรรคการเมืองได้ และผู้ที่บริจาคเงินให้ก็ไม่สามารถนำไปลดภาษีได้ รวมถึงในยุโรป ที่จะมีการยุบพรรคการต่อเมื่อมีการยั่วยุ เลือกปฏิบัติจากการเลือกนับถือศาสนา และการนำหลักศาสนามาใช้ รวมถึงมีการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ความเกลียดชัง หรือขู่เข็ญให้เกิดการนองเลือด ปฏิบัติการก่อการร้ายเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ และรักษาไว้ซึ่งอำนาจ, เกาหลีใต้เคยมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง เชื่อในทฤษฎีคอมมิวนิสต์ และศรัทธาในคิม อิลซุง หวังให้เกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือรวมตัวกัน โดยถือแนวทางของเกาหลีเหนือ เปลี่ยนผ่านสังคมสู่คอมมิวนิสต์ ทำให้คนเกาหลีใต้เชื่อในแนวทางของเกาหลีเหนือ รวมถึงแกนนำพรรคยังมีการวางแผน เมื่อเกาหลีเหนือบุกเมื่อใด ให้มีการทำลายระบบสาธารณูปโภค สุดท้ายแกนนำพรรคดังกล่าวติดคุก ดังนั้น จึงสะท้อนว่า การยุบพรรคในต่างประเทศ เป็นเพราะการสนับสนุนความรุนแรง หรือยั่วยุให้เกิดความรุนแรงมากกว่า

นายณรงค์เดช ยังเห็นความจำเป็นของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อมีระบบกลไกตรวจสอบกฎหมาย ไม่ให้ขัดรัฐธรรมนูญ แต่ที่มาของตุลาการ อำนาจหน้าที่ยังมีปัญหา จึงควรพิจารณาปรับอำนาจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งการยุบพรรค และการวินิจฉัยคุณสมบัติ-จริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

นายต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์ รองศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่า บทบาทศาลรัฐธรรมนูญไทยในปัจจุบัน ได้พัฒนาตนเองไปเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง ไม่ได้เป็นคนกลางชี้ขาดข้อพิพาททางการเมืองในฐานะคนกลาง หรือ กรรมการ ไม่สามารถสร้างพลังแห่งเหตุผลผ่านคำวินิจฉัยได้ และการใช้อำนาจปกป้องตนเองของรัฐธรรมนูญด้วยการยุบพรรคการเมือง ถือเป็นอำนาจเผด็จการ เพราะสังคมประชาธิปไตย ไม่ควรอ้างหลักการประชาธิปไตย ที่ไปห้ำหั่นทางการเมืองคู่ตรงข้าม ถือเป็นการใช้อำนาจเผด็จการเพื่อปกป้องประชาธิปไตย พร้อมเห็นว่าคำวินิจฉัยยุบพรรคการเมือง

นายต่อพงศ์ ยังมีข้อสังเกตว่า ศาลรัฐธรรมนูญพยายามอธิบายหลักการปกครองพื้นฐานของไทยที่ศาลฯ อยากเห็น จนนำไปสู่การตีความ ขยายความ และส่งผลกระมบต่อระบบกฎหมายไทยอย่างรุนแรง อันเป็นผลมาจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ มีผลผูกพันทุกองค์กร และพยายามอธิบายหลักการพื้นฐานใหม่ของระบอบการปกครองของประเทศ

นายต่อพงศ์ ยังกล่าวถึงความจำเป็นของการมีศาลรัฐธรรมนูญให้มีประสิทธิภาพว่า ต้องจะต้องฉันทามติร่วมกันก่อน ซึ่งแม้รัฐธรรมนูญ 2540 จะกำหนดให้มีศาลรัฐธรรมนูญ ก็ยังไม่เคยมีฉันทามติร่วมกันของคนในสังคม และกลไกการใช้งานในแต่ละประเทศจะประสบความสำเร็จหรือไม่ โดยมีรัฐธรรมนูญที่ชอบธรรม มีตุลาการฯ ที่ยึดโยงประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งบางประเทศมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงมติ พร้อมเห็นว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ควรเปิดการสำรวจความนิยมจากประชาชน พร้อมเปิดเผยว่า ส่วนตัวยังสนับสนุนศาลรัฐธรรมนูญ แต่จะต้องมีอำนาจจำกัด สามารถรับเรื่องร้องทุกข์ได้ และตัดอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดคดีการเมือง

นายสุทธิชัย งานชื่นสุวรรณ ผู้ช่วยศาตราจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลับสงขลานครินทร์ เห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญยังควรมี แต่คืนอำนาจทางการเมือง ทั้งการยุบพรรคการเมือง และวินิจฉัยจริยธรรมนักการเมืองให้สภาเป็นผู้พิจารณา และเหลือเพียงอำนาจการวินิจฉัยไม่ให้กฎหมายใดขัดต่อรัฐธรรมนูญ และรับเรื่องราวร้องทุกข์ รวมถึงที่มาของตุลาการฯ จะต้องสะท้อนความรู้ความสามารถในกฎหมายรัฐธรรมนูญ และอาจจะต้องใช้เสียงข้างมากพิเศษในการลงมติเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เช่น 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 4 ซึ่งจะให้ดีให้สภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ลงมติให้ความเห็นชอบ เพื่อให้ได้การยอมรับจากฝ่ายค้านด้วย

นายมุนินทร์ พงศาปาน รองศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังย้ำความไม่จำเป็นของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะระบบศาลรัฐธรรมนูญ เป็นภัยที่ร้ายแรงที่สุดต่อรัฐธรรมนูญ และระบบนิติรัฐ เพื่อให้มีระบบรัฐสภา และเจตจำนงของประชาชนที่เข้มแข็ง จนกว่าประเทศไทยจะมีระบอบการเมืองที่เข้มแข็งเหมือนเยอรมนี พร้อมยังเห็นว่าปัจจุบันขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ กลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง และกระบวนการพิจารณาคดีก็ยังไม่ชัดเจน และยังสิ้นสุดที่คำวินิจฉัยของตุลาการ ไม่สามารถต่อสู้ในศาลชั้นอื่นได้ แต่หากจำเป็นจะต้องมี ก็ควรต้องปรับขอบเขตอำนาจให้จำกัดที่สุด และไม่ควรมีช่องให้เกิดการร้องทุกข์ของประชาชน เพราะส่วนตัวยังเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมปกติ ทั้งศาลปกครอง และศาลยุติธรรม โดยให้เหลือเพียงอำนาจการวินิจฉัยกฎหมาย บนเงื่อนไขที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยฯ และนิติรัฐเท่านั้น.-319 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย