พท.จัดอีเวนต์ใหญ่กลางพาร์คพารากอน รณรงค์หาเสียงโค้งสุดท้าย

กรุงเทพฯ 5 พ.ค. – “เพื่อไทย” จัดอีเวนต์ใหญ่กลางลานพาร์คพารากอน “เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ประเทศเปลี่ยนทันที” ชาเลนจ์ผู้สมัคร ส.ส.กทม. 33 เขต เดินทางขนส่งสาธารณะให้ถึงที่หมายใน 1 ชั่วโมง 29 นาที ปักหมุดนโยบายคมนาคม “20 บาทตลอดสาย”


5 พฤษภาคม 2566 เวลา 15.30 น. พรรคเพื่อไทย เปิดแคมเปญใหญ่สู้ศึกเลือกตั้ง 2566 จัดกิจกรรมเปิดตัวแคมเปญใหญ่ ‘เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ประเทศเปลี่ยนทันที’ เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์หาเสียงในโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีก 8 วันข้างหน้า โดยภายในงานมีการจัดกิจกรรม โดยให้ผู้สมัคร ส.ส.​กทม. ทั้ง 33 เขต ร่วมทำชาเลนจ์ เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมือง ณ ลานพาร์คพารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทุกคน ต้องมีการไลฟ์ตลอดการเดินทาง ทั้งนี้ เพื่อปักหมุดนโยบายใหญ่ ‘เพื่อคมนาคมไทยทั้งประเทศ’

งานนี้ผู้สมัคร ส.ส.​กทม. ทั้ง 33 คน มาครบ และเดินทางด้วยคมนาคมที่หลากหลาย ทั้ง รถ ราง เรือ เช่น นายพลภูมิ วิภัตภูมิประเทศ ผู้สมัคร ส.ส.​กทม. เขต 15 เดินทางโดยเรือจากคลองแสนแสบ, นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ผู้สมัคร ส.ส.​กทม. เขต 19 เดินทางโดยรถไฟฟ้า และต่อด้วยรถเมล์, นายวัน อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 28 เดินทางโดยวินมอเตอร์ไซค์ และ BTS


นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ชาเลนจ์นี้จัดขึ้นเพื่อสื่อสารว่า กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย เป็นเมืองที่มีขนส่งสาธารณะครบทุกรูปแบบ โดยเฉพาะรถไฟฟ้า แต่ค่าโดยสารโดยรวมนั้นมีราคาแพง ไม่สะดวกสบาย ใช้เวลานาน และไม่สามารถกำหนดเวลาได้

วันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ค่ารถไฟฟ้าแพงติดอันดับโลก คิดเป็น 5-18% ของค่าแรงขั้นต่ำ ส่วนค่าโดยสารในกรุงเทพฯ แตะ 30% ของค่าแรงขั้นต่ำ ขณะที่เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน อยู่ที่ 2-5% ของค่าแรงขั้นต่ำเท่านั้น หากประเทศอื่นทำได้ แต่ไทยทำไม่ได้ เท่ากับว่ามันมีปัญหาในไทย

พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบาย ‘เพื่อคมนาคมไทย ทั้งประเทศ’ นั่นคือ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย, ยกระดับคมนาคมในต่างจังหวัด, ยกระดับรถไฟโดยสารทั่วประเทศ, ยกระดับการขนส่งโลจิสติกส์สินค้า และยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิให้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก


โดยเฉพาะ ‘นโยบาย 20 บาทตลอดสาย’ นายดนุพร อธิบายว่า จะต้องเป็นราคา 20 บาทตลอดทั้งสาย ไม่ว่าจะเปลี่ยนสายรถไฟฟ้ากี่ครั้ง แต่ถ้าไม่ออกจากระบบ ก็จะอยู่ที่ราคา 20 บาทเท่านั้น นายดนุพร ย้ำด้วยว่า หาก ‘30 บาทรักษาทุกโรค’ ทำได้ ‘20 บาทตลอดสาย’ ก็ต้องทำได้เช่นกัน

สุดท้าย ชาเลนจ์เดินทางถึงที่หมาย 1 ชั่วโมง 29 นาที พรรคเพื่อไทยมีการจัดอันดับผู้ที่ใช้เวลาเดินทางนานที่สุด, ผู้ที่ใช้เวลาเดินทางน้อยที่สุด, ผู้ที่เสียค่าใช้จ่ายมากที่สุด และผู้ที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ผลการแข่งขัน ดังนี้

  1. ผู้ที่ใช้เวลาเดินทางมากที่สุด
  • นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เขตลาดกระบัง เดินทางจากสำนักงานเขต โดยรถส่วนตัว > Airport Link ลาดกระบัง > BTS พญาไท ใช้เวลาทั้งหมด 90 นาที ใช้เงินทั้งหมด 65 บาท
  • นพ.ญาณกิตติ์ ห่วงทรัพย์ เขตบางเขน, เขตสายไหม, เขตลาดพร้าว เดินทางจากสำนักงานเขต โดยรถสองแถว > รถเมล์ร้อน > เดิน 500 ม. > BTS วัดศรีมหาธาตุ ใช้เวลาทั้งหมด 84 นาที ใช้เงินทั้งหมด 67 บาท
  • นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา เขตบางแค, เขตหนองแขม เดินทางจากสำนักงานเขต โดยรถสองแถว > BTS หลักสอง ใช้เวลาทั้งหมด 78 นาที ใช้เงินทั้งหมด 93 บาท
  1. ผู้ที่ใช้เวลาน้อยที่สุด
  • นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ เขตบางรัก ใช้เวลา 15 นาที เดินทางจากสำนักงานเขต โดยตุ๊กตุ๊ก ใช้เงินทั้งหมด 150 บาท
  • นายภัทร ภมรมนตรี เขตดินแดง ใช้เวลา 15 นาที เดินทางจากสำนักงานเขต โดย BTS อารีย์ ใช้เงินทั้งหมด 35 บาท
  • นายวัน อยู่บำรุง เขตหนองแขม ใช้เวลา 20 นาที เดินทางจากบ้าน > ติดรถ FC วัน อยู่บำรุง > BTS วุฒากาศ ใช้เงินทั้งหมด 62 บาท
  1. ผู้ใช้เงินเยอะที่สุด
  • นายไพฑูรย์ อิสระเสรีพงษ์ เขตหนองจอก เดินทางจากสำนักงานเขต โดยแท็กซี่ > Airport Link ใช้เงินทั้งหมด 300 บาท ใช้เวลา 40 นาที
  • นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ เขตบางรัก, เขตพระนคร, เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย, เขตดุสิต เดินทางจากสำนักงานเขต โดยตุ๊กตุ๊ก ใช้เงินทั้งหมด 150 บาท ใช้เวลา 15 นาที
  • นายวิชาญ มีนชัยนันท์ เขตมีนบุรี, เขตสะพานสูง เดินทางจากสำนักงานเขต โดยแท็กซี่ > ท่าเรือวัดศรีบุญเรือง – ประตูน้ำ > เดิน ใช้เงินทั้งหมด 145 บาท ใช้เวลา 40 นาที

ภายหลังจากชาเลนจ์ดังกล่าวเสร็จสิ้น ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายของพรรคเพื่อไทย ภายใต้แคมเปญ ‘เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที’ เพื่อย้ำถึงปรัชญาหลักของพรรคในการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวทักทายพี่น้องประชาชนผ่านทางวิดีโอคอลว่า ตอนนี้ตนกำลังเตรียมพร้อมร่างกาย เพื่อกลับไปพบกับพี่น้องประชาชนในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้เสนอยุทธศาสตร์การเลือกตั้งด้วยการแลนด์สไลด์ ให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว เพื่อล้มอำนาจ ส.ว. 250 เสียง ไม่เปิดโอกาสให้รัฐบาลผลพวงรัฐประหารได้มีโอกาสกลับมามีอำนาจอีก การแลนด์สไลด์จะทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยดำเนินทุกนโยบายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย เพราะนโยบายของเพื่อไทยที่คิดใหญ่ เพื่อแก้วิกฤติต่างๆ ตั้งแต่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ปัญหาค่าครองชีพ และคืนโอกาส คืนชีวิตให้ประชาชน และที่สำคัญคือ พรรคเพื่อไทยไม่เอารัฐประหารและผลพวงที่เกิดจากรัฐประหาร เพราะพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นในประชาธิปไตยมาตลอด

“โอกาสของพี่น้องประชาชนมาถึงแล้ว วันที่ 14 พ.ค. เข้าคูหากาเบอร์ 29 ให้พรรคเพื่อไทย และเบอร์ ส.ส.เขต จากพรรคเพื่อไทย ให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน เพื่อไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นรัฐบาลที่มาจากอำนาจอธิปไตยของประชาชนทุกคน” นางสาวแพทองธาร กล่าว

นางสาวจิราพร สินธุไพร ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 5 เบอร์ 3 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การมายืนปราศรัยอยู่ใจกลางพารากอน กรุงเทพฯ ทำให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำ กระจุกตัวของความเจริญอย่างชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับทุ่งกุลาร้องไห้ จ.ร้อยเอ็ด บ้านของตน ซึ่งที่นี่มีระบบขนส่งสาธารณะสะดวก รถไฟฟ้า รถเมล์ ขณะที่บ้านตนเองนั้นเดินทางยากลำบาก เดินทางใช้เวลานาน พรรคเพื่อไทยเคยมีนโยบายส่งเสริมให้ต่างจังหวัดมีโอกาสเติบโต ตั้งแต่สมัย ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ไปลงพื้นที่รับฟัง “อาจสามารถโมเดล” โครงการกองทุนหมู่บ้านที่เป็นทุนสร้างอาชีพ โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ส่งคนร้อยเอ็ดไปเรียนต่างประเทศ สร้างอนาคต แต่โอกาสดีๆ ของคนร้อยเอ็ดก็ถูกตัดขาดลงไปด้วยการรัฐประหาร และในช่วงรัฐประหารก็กลายเป็นยุคทองของทุนผูกขาด ประชาชนถูกเอาเปรียบทางเศรษฐกิจ ยากลำบาก ถูกตัดโอกาสการศึกษา ตัดหนทางทำมาหากิน ดังนั้น การกาพรรคเพื่อไทย ไม่ได้แค่กาให้เพื่อไทย แต่กาให้กับความหวัง ความฝัน และโอกาสอย่างเท่าเทียม

นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เขต 3 เบอร์ 5 กล่าวว่า ทุกคนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงที่ตนเองอยากเห็นคือ การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ซึ่งจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอย่างน่าตกใจให้พี่น้องในภาคบริการ ดังนั้น วันนี้พรรคเพื่อไทยขออาสาเปิดประตู 3 บานใหม่ เพื่อสร้างและรองรับเม็ดเงินรายได้จากการท่องเที่ยว ประตู 3 บานดังกล่าว ได้แก่

ประตูบาน 1 คือ Festival Hub of Asia เทศกาลไทยไปไกลถึงระดับโลก โดยจะส่งเสริมเทศกาลด้านวัฒนธรรม สร้างเทศกาลด้านผลไม้และเกษตรกรรม

ประตูบาน 2 คือ ต้องเป็น Wellness Destination ส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านการแพทย์และสุขภาพ นักท่องเที่ยวมาไทยจะได้ทั้งท่องเที่ยวและดูแลสุขภาพในเวลาเดียวกัน

และประตูบาน 3 คือ Regional Transport Hub ศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาค เราจะเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชน ตั้งแต่ทางเครื่องบิน เชื่อมต่อรถไฟฟ้า รถไฟ ไปจนถึงระบบขนส่งสาธารณะในทุกจังหวัดท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง และเมื่อประตู 3 บานนี้เปิด ก็จะสร้างรายได้ ขยายเศรษฐกิจให้พี่น้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจากพรรคเพื่อไทย

นายอรรฆรัตน์ นิติพน ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เขต 21 เบอร์ 13 กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับ SME เพราะเรารู้ว่าธุรกิจ SME ที่มีมากกว่า 3 ล้านธุรกิจนั้น มีการจ้างแรงงานมากถึง 85% และแต่ละธุรกิจมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ดังนั้น หมายความว่าเงินของกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะลงไปหาคนเหล่านี้เป็นจำนวนมหาศาล และนี่เป็นแค่ยอดน้ำแข็งบนพีระมิดเท่านั้น เพราะข้างล่างของน้ำแข็งคือเรื่องราวของระบบเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่เป็นพื้นฐานของข้อมูลการค้าขายของทุกคน จะได้รับการดูแลอำนวยความสะดวก ง่ายที่สุด หากคุณไปทำธุรกิจเล็กๆ ต้องไปขอเอกสารที่หนึ่ง ขอใบอนุญาตอีกที่หนึ่ง กี่วันจบ แต่พรรคเพื่อไทยมีโครงการรัฐบาลดิจิทัล จัดจุดบริการแบบ One Stop Service จบทุกอย่างในวันเดียว ไม่ต้องมาเซ็นบัตรประชาชนบนกระดาษอีกต่อไป

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างมาก เพราะวันนี้พี่น้องภาคเหนือยังผจญปัญหาฝุ่นอยู่ ซึ่งอากาศสะอาดเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรจะได้รับ แต่วันนี้ทุกคนกลับต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัว กลัวที่จะไม่กล้าแม้แต่หายใจและสูดลมหายใจที่มีฝุ่นพิษเข้าไป มันจะไม่เกิดกับคนไทยอีก เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ผู้สร้างมลภาวะจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ผู้บริหารประกอบการภาคอุตสาหกรรมต้องมีจิตสำนึกสร้างอากาศบริสุทธิ์ไปด้วยกัน เราจะผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด ฉบับประชาชนในรัฐบาลหน้า เพราะพรรคเพื่อไทยใส่ใจสุขภาพประชาชน รวมถึงการยกระดับบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกโรงพยาบาล รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้กับเด็กผู้หญิงทุกคนอีกด้วย

นายดนุพร ปุณณกันต์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลายปีนี้ปัญหาพี่น้อง กทม.ยังวนอยู่เรื่องเดิม ไม่ว่าจะเศรษฐกิจปากท้อง ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะขออาสานำเสนอนโยบายเพื่อพี่น้อง กทม. คือ 1. นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย พรรคเพื่อไทยจะเข้ามาดูทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ต้องเปลี่ยนเป็นรถเมล์ไฟฟ้า 10 บาทตลอดสาย 2. กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อวางโครงสร้าง Digital economy เพื่ออนาคต 3. ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท/วัน เงินเดือนปริญญาตรีเริ่มต้น 25,000 บาท ภายในปี 2570 พรรคเพื่อไทยจะพาคนไทยก้าวข้ามความยากลำบากและหลุมดำแห่งความจน พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้วที่จะคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนไทยทุกคน เพราะนโยบายดีๆ ใครๆ ก็ทำได้ แต่พรรคที่ทำได้จริง คือ พรรคเพื่อไทย

นางสาวสกาวใจ พูนสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เขต 13 เบอร์ 4 กล่าวว่า วันนี้ชายไทยอายุ 20 ปี เจอ “ใบเดียวชีวิตเปลี่ยน” เพราะฤดูเกณฑ์ทหาร ต้องไปจับใบดำใบแดง ซึ่งเป็นการทำลายโอกาสทางชีวิต เศรษฐกิจ อาชีพ ของคนต้องถูกไปเกณฑ์ทหาร พรรคเพื่อไทยจึงเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นรับสมัครแบบสมัครใจ เพื่อจะได้พัฒนาฝึกอาชีพ ฝึกฝนวิชาความรู้ให้มีคุณภาพ ไม่ถูกบังคับ และยกระดับคุณภาพชีวิตของทหารให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น เมื่อทหารเป็นทหารมืออาชีพแล้ว ก็จะไม่มาทำรัฐประหาร เพราะการรัฐประหารควรโดนข้อหากบฏและยึดทรัพย์ คดีไม่มีอายุความ รัฐประหารคืออาชญากรรม ผู้รัฐประหารคืออาชญากร พรรคเพื่อไทยประกาศไม่เอารัฐประหาร

ทั้งนี้ ภายในงานมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รวมทั้งกลุ่มผู้เข้าประกวดนางงามจากเวที Beach Men Thailand, Mrs. International. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย