“ธนกร” มั่นใจกระแสตอบรับ “รวมไทยสร้างชาติ” มีพลังเงียบหนุน

ทำเนียบ 2 พ.ค. – “ธนกร” มั่นใจกระแสตอบรับ “รวมไทยสร้างชาติ” ในพรรคใต้ มั่นใจพลังเงียบสนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์” เชื่อ “ทักษิณ” ระบุอยากกลับมาเลี้ยงหลานมีนัยยะทางการเมือง เพราะเป็นช่วงโค้งสุดท้ายเลือกตั้ง


นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย โดยทั้งหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และ ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า ได้เตรียมพร้อมทีมยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่องและจะมีแคมเปญออกมาเป็นระยะ มั่นใจการทำงานจะสามารถชนะใจประชาชนได้ โดยเฉพาะการลงพื้นที่ภาคใต้ได้มีการสังเกตอยู่ตลอดเวลาว่าคะแนนความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้แต่อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่มาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติได้เปิดเผยเองว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับการตอบรับดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมขอให้ประชาชนเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติเพื่อที่จะได้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ

นายธนกร กล่าวว่า การหาเสียงในภาคอื่นๆ นั้น ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แต่คิวที่กำลังจะถึงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามด้วยภูเก็ต , พังงา , กระบี่ , นครศรีธรรมราช และจะปิดท้ายที่กรุงเทพฯ  ซึ่งจากการประเมินในการลงพื้นที่แต่ละครั้ง ยังเชื่อมั่นอยู่ว่าคะแนนความนิยมของพรรครวมไทยสร้างชาติเพิ่มขึ้น ทั้งนี้องค์ประกอบของความนิยมที่เพิ่มขึ้นก็คือการขยันลงพื้นที่ของผู้สมัคร ส.ส.ด้วย


ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความลงทวิตเตอร์ ด้วยระบุว่าจะกลับมาเลี้ยงหลานนั่น นายธนกร กล่าวว่า อาจมีนัยยะทางการเมือง เพราะถือเป็นโค้งสุดท้ายของการหาเสียง แต่จากที่สังเกตนายทักษิณ ก็มักพูดในลักษณะนี้บ่อยครั้ง ซึ่งมุมมองของพรรครวมไทยสร้างชาติ เห็นว่าการออกมาพูดของนายทักษิณบ่อยครั้งก็จะทำให้คนนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ มากขึ้น ตามที่จะเห็นได้ว่าช่วง 8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำอะไรมากมายให้กับประชาชน และก็มองว่าเป็นมุมบวกของพรรครวมไทยสร้างชาติ มากกว่า เชื่อว่า ประชาชน ก็จะมองออกด้วยว่าบางพรรคการเมืองถูกกลไกหรือโดนปกคลุมด้วยอะไร  แต่สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นการเดินหน้าตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนนายทักษิณ จะกลับมาหรือไม่นั้นคงไม่มีใครบอกได้ แต่ก็ไม่มีใครห้ามหากจะกลับมา แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

“การเมืองในปัจจุบันนี้ จะมีการบีบเหลืออยู่ 2 ฝั่ง ก็คือ ฝั่งพล.อ.ประยุทธ์ และฝั่งพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคภูมิใจไทย , พรรคก้าวไกล ตัดสินใจของตัวเองไปแล้ว ส่วนตัวเชื่อว่าประชาชนจะตัดสินใจเลือก  2  ฝั่งที่ได้กล่าวไป ซึ่งการที่นายทักษิณออกมาพูดบ่อยครั้งทำให้ประชาชนมีโอกาสตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและเชื่อว่าพลังเงียบมีอยู่มาก และจะออกมาช่วย พล.อ.ประยุทธ์ เพราะมองว่าหลังเลือกตั้งหากประเทศเปลี่ยนแปลง ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปสู่จุดไหนเพราะหลายคนไม่มีประสบการณ์ ทุกวันนี้ส่วนตัวมองว่าประชาชนมีความสุขและอยากให้เดินต่อไปอย่างมั่นคง” นายธนกร กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง