พปชร.ปราศรัยใหญ่โคราช “บิ๊กป้อม” อ้อนขอกวาดยกจังหวัด

นครราชสีมา 22 เม.ย. – พปชร.ปราศรัยใหญ่โคราช ปชช.เรือนหมื่นแห่ฟัง “ธรรมนัส” ลั่นบัตรประชารัฐต้องอยู่คู่คนไทยตลอดไป ถามพรรคไหนกล้ายกเลิก ลั่นจะเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก.-ที่ดินราชพัสดุที่อยู่ก่อนปี 2483 เป็นโฉนด “วิรัช” กระซิบ “ลุงป้อม” ไม่ต้องกลัวหลุดโพล ยกคราวก่อนมาช้าๆ แต่กวาดเรียบ เปิดนโยบายใหม่ แจก 3 หมื่น เกษตรกรที่ลงทะเบียนกับกรมส่งเสริมฯ ระบุหัวหน้าพรรคเป็นนายกฯ ทำทันที “บิ๊กป้อม” อ้อนขอกวาดยกจังหวัด 16 ที่นั่ง


เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (22 เม.ย.66) ที่บริเวณตลาดเซฟวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดปราศรัยใหญ่ หาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค จำนวน 16 คน โดยมีประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยประมาณ 20,000 คน ขณะที่แกนนำพรรคเดินทางมาร่วมหลายคน นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ ขึ้นปราศรัยว่า จ.นครราชสีมา ถือว่าเป็นจังหวัดสำคัญ เวลาจะปลูกบ้าน จะเข้าไปบ้านใคร สิ่งแรกที่จะเห็นคือ ประตูบ้าน ประตูรั้ว บ้านหลังไหนมีประตูรั้วสวยงาม มีความแข็งแรง นั่นแสดงว่าบ้านหลังนั้นข้างในต้องมีของดี เฉกเช่นเดียวกับ จ.นครราชสีมา ถือเป็นประตูสู่อีสาน ดังนั้น อีสานใต้ อีสานเหนือ จะเจริญหรือไม่เจริญ ให้ดูที่ จ.นครราชสีมา จังหวัดนี้เปรียบเสมือนร่างกายของมนุษย์ มี 32 อำเภอ ดีใจแทนพี่น้องชาวนครราชสีมา ที่พรรคใหญ่ คือ พปชร. เดินทางมาเปิดประตูสู่อีสาน มาอย่างยิ่งใหญ่ ตั้งแต่หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคหลายคน


ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า พปชร.เป็นการรวมพลังของบุคคล คือ ประชาชน บวกกับรัฐ รัฐคือทุกภาคส่วนที่เป็นของรัฐบาล เราต้องการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ให้คนไทยทั้ง 77 จังหวัด หัวหน้าพรรคประกาศตั้งแต่วันแรกว่า ปี 2566 จะยึดมั่นในอุดมการณ์ เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง คนโคราชต้องรักกัน เมื่อเรารักกันจะทำอะไรเกิดความสามัคคี นำไปสู่ความสำเร็จ ทั้งนี้ ตนมีข่าวดีสำหรับครอบครัว ส.ป.ก. เราจะทำทันทีหลังจากจัดตั้งรัฐบาล จะเปลี่ยนที่ดินทั้ง 40 กว่าล้านไร่ ให้เป็นโฉนด เราจะออกเอกสารสิทธิให้ประชาชนเข้าอยู่อย่างถูกกฎหมาย ส่วนที่ดินราชพัสดุ หากประชาชนอาศัยมาตั้งแต่ปี 2484 นายสันติ ฝากบอกว่า เราได้แก้ระเบียบและกฎหมาย เพื่อให้สามารถพิสูจน์สิทธิว่าอยู่มาก่อนปี 2484 รัฐบาลจะออกเอกสารสิทธิเป็นโฉนดทันที นอกจากนี้ มีบางพรรคบอกจะยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พี่น้องยอมหรือไม่ ของดีๆ อย่างนี้ต้องอยู่คู่คนไทยตลอดไป

นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ขึ้นปราศรัยว่า โพลไม่มีชื่อ พปชร. แต่ตนบอก พล.อ.ประวิตร ไม่ต้องเป็นห่วงเลย เมื่อคราวที่แล้วเราก็มาช้าๆ แบบนี้ โหวตเตอร์ทั้งหมดของประเทศไทย พปชร.มาอันดับหนึ่ง 8.4 ล้านเสียง โดยเฉพาะ จ.นครราชสีมา โหวตให้ พปชร.เป็นอันดับหนึ่ง 4 แสนกว่าเสียง นอกจากนี้ ขอถามประชาชนว่า บัตรประชารัฐ ชอบหรือไม่ ติดใจหรือไม่ ขาดได้หรือไม่ ลองขาดสักเดือนได้หรือไม่ ตอนโควิด-19 ได้บัตรนี้ช่วยใช่หรือไม่ แต่ก่อนได้ 300 บาท วันนี้ พล.อ.ประวิตร บอกน้อยไปจะให้ 700 เอาหรือไม่ นอกจากนี้ ในบัตรยังมีประกันชีวิตอีก 2 แสนบาท

นายวิรัช กล่าวว่า ถ้า พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ คนที่ 30 เบนซินจะเหลือลิตรละ 25 บาท แก๊สเหลือถังละ 250 บาท ไฟฟ้าภาคครัวเรือน 2.50 บาท/หน่วย ภาคอุตสาหกรรม 2.70 บาท/หน่วย นโยบายทุกอย่างทำทันที ไม่ต้องรอปี 2570 ไม่ต้องรอปีนู้นปีนี้ ทำทันที วันนี้ พล.อ.ประวิตร ยังมีนโยบายใหม่ พล.อ.ประวิตร จะประกาศให้เกษตรกรที่จดทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ให้ครอบครัวละ 3 หมื่นบาท โดยมีจำนวน 8 ล้านครอบครัว จะครอบคลุมเกษตรกรทั่วประเทศ ถ้าเป็นนายกฯ จ่ายทันที


ต่อมาเวลา 17.50 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ขึ้นปราศรัย โดย พล.อ.ประวิตร เริ่มด้วยการทักทายว่า “พี่น้องเอ้ย พี่น้องเอ้ย จ.นครศรีธรรมราช” ก่อนที่จะระบุว่า “จ.นครราชสีมา ลองใจว่าจะถูกมั้ย” ทำให้ประชาชนต่างชอบใจ

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ปราศรัยว่า รู้สึกอบอุ่นใจที่ได้มาพบชาวอีสานวันนี้ ตนและ พปชร.พร้อมแล้วที่จะมารับใช้ประชาชน ทำงานเพื่อประชาชนชาวอีสาน ชาว จ.นครราชสีมา เพื่อให้จังหวัดนี้มีความเจริญรุ่งเรือง พปชร.เลือกคนดี คนเก่ง มาเป็นผู้แทนทั้ง 16 เขต โปรดเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของ พปชร.ทั้ง 16 เขต และเลือก พปชร. หมายเลข 37 อยากให้คนไทยทุกคนรักกัน สามัคคีกัน มีความเป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างความสงบสุข ก้าวข้ามความขัดแย้ง เป็นพลังเพื่อก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น พปชร.ได้นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย ทั้งบัตรประชารัฐ 700 บาท/เดือน ลดราคาแก๊ส ไฟฟ้า น้ำมัน ในทันทีที่ตนเป็นนายกฯ บริหารประเทศ ที่ พปชร.เข้ามาเป็นรัฐบาล เบนซินลดลงลิตรละ 18 บาท ซึ่งปัจจุบันลิตรละ 44 บาท จะเหลือลิตรละ 26.66 บาท ดีเซลลดลงลิตรละ 6.30 บาท จากเดิมลิตรละ 32.94 บาท ลดเหลือลิตรละ 26.64 บาท ลดราคาแก๊สหุงต้มให้เหลือถังละ 250 บาท ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือน 2.50 บาท/หน่วย ภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาท พปชร. เรายินดีที่จะมาแก้ปัญหาความยากจน ความขัดแย้ง ทำให้คนไทยทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียว

พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า เรื่องน้ำ ตนเป็นห่วงมาก ที่ จ.นครราชสีมา ตนได้เข้ามาดูในหลายๆ ครั้ง เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน ทั้งน้ำอุปโภค บริโภค การเกษตร ที่ดินทำกิน มีเราต้องมีที่ดินทำกิน นอกจากนี้ เรายังมีนโยบายอีสานประชารัฐ สร้างรถไฟทางคู่ จ.บึงกาฬ-อู่ตะเภา ระยะทาง 480 กม. จะทำให้คนอีสานไม่ต้องไปอยู่ที่อื่น อยู่ในอีสาน สามารถทำให้อีสานเจริญเติบโต เท่าเทียมกับจังหวัดอื่นๆ ของประเทศ เป็นความต้องการของ พปชร.

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนพูดไม่เก่ง แต่ทำงานประสานประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายได้ นำพาคนเก่งมาร่วมมือกัน ก้าวข้ามความขัดแย้ง ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมาของ พปชร. ที่ยืนอยู่ตรงนี้จะรับใช้ประชาชนอย่างจริงจัง ตนขอประกาศพวกเราทำได้ พร้อมแล้วที่จะรับใช้ประชาชน ขอฝากชาวอีสานทุกคนด้วย ช่วยเลือกเบอร์ 37 และผู้สมัคร ส.ส.ของ พปชร. ทั้ง 133 เขตในอีสาน รวมถึงเลือกผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา ของ พปชร.ทั้ง 16 เขต ในวันที่ 14 พ.ค. เข้าคูหากาหมายเลข 37 และกาหมายเลขผู้สมัครของ พปชร. จ.นครราชสีมา ทั้ง 16 เขต ตนขอฝากประชาชนชาวนครราชสีมาและชาวอีสานด้วย

ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม พล.อ.ประวิตร หลังลงจากเวทีปราศรัย ว่า วันนี้ได้ขอพรอะไรกับท้าวสุรนารี หรือ ย่าโม แต่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธที่จะตอบ ทำแค่เพียงหัวเราะ

รายงานข่าวแจ้งว่า นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยจะดูแลทั้งชาวไร่ ชาวนาทั่วประเทศ ให้มีทุนเพื่อประกอบอาชีพ ครอบครัวละ 3 หมื่นบาท โดยจะได้รับเงินโอนตรงเข้าบัญชีชื่อเกษตรกรที่อยู่ธนาคารทันที เพื่อจะได้นำเงินไปลงทุนสำหรับการเพาะปลูกในฤดูกาลใหม่. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]