กองทัพบก 11 เม.ย. – กองทัพบก เผยจัดตรวจเลือกทหาร 9 วัน ยอดสมัครทะลุถึง 23,126 คน ชี้เป็นปรากฏการณ์ใหม่ สะท้อนผลสำเร็จนโยบายปรับและพัฒนาทหารกองประจำการ
พล.ต.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบก โดยกองอำนวยการประสานงานการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2566 ได้รายงานผลการตรวจเลือกตั้งแต่ 1 – 10 เมษายน ระบุภาพรวมชายไทยเข้ารับการตรวจเลือกทหารอย่างต่อเนื่อง
โดยมีญาติและครอบครัวมาให้กำลังใจเยี่ยมชมบรรยากาศการตรวจเลือกที่เป็นไปด้วยความคึกคัก เจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกให้ผู้เข้ารับการตรวจเลือกในทุกประเภทได้ใช้สิทธิและเข้าสู่กระบวนการด้วยความรวดเร็วเป็นธรรม สำหรับผลการตรวจเลือกทั้ง 9 วันที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าได้จัดการตรวจเลือกมาแล้วร้อยละ 56 (เหลือการตรวจเลือกอีก 7 วัน) ได้คัดเลือกชายไทยเข้าเป็นทหารกองประจำการตรงตามยอดความต้องการทหารของทางราชการ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ผลการตรวจเลือกทหารวันที่ 1- 10 เมษายน
1.ทหารกองเกินเข้ารับการตรวจเลือก 445,706 คน (แยกเป็นอายุ 21 ปี 203,547 คน ช่วงอายุ 22-29 ปี 85,615คน และผู้ขอผ่อนผัน 156,544 คน)
2.ผู้ที่มีร่างกายได้ขนาดและเข้าสู่กระบวนการจับสลากใบดำ ใบแดง 160,339 คน คิดเป็น 1 ใน 3 ของผู้ที่เข้ารับการตรวจเลือกทหารในปีนี้ และเนื่องจากกองทัพได้เปิดรับสมัครทหารออนไลน์ไว้ก่อนหน้านี้โดยมีผู้สมัครมากถึง 10,156 คน ทำให้ชายไทยที่จับสลากได้ใบแดงเป็นทหารลดลง สอดคล้องกับนโยบายพัฒนาระบบการตรวจเลือกมุ่งสู่ทหารกองประจำการอาสาด้วยความสมัครใจ
3. ผู้ที่ร้องขอ (สมัครเป็นทหาร) 23,126 คน
4 . สถานที่ตรวจเลือกที่มีการร้องขอเต็มจำนวน 8 แห่ง โดย อ.ทรายมู จ.ยโสธร โดยเป็นอำเภอแรกของภาคอีสาน ที่ไม่มีการจับสลากใบแดง – ใบดำ เนื่องจากมีการสมัครเต็มจำนวน นอกจากนี้ยังมี อ.ไทรน้อย อ.ปากเกล็ด จ.นนทบุรี, อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี, อ.ควนโดน จ.สตูล และ อ.เทพา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบกได้ระบุถึงการตรวจเลือกทหารที่ดำเนินมาครึ่งทางแล้วว่า หากวิเคราะห์จากตัวเลขผลการตรวจเลือกใน 2 ปีที่ผ่านมาพบว่ายอดผู้สมัครทหารเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยการตรวจเลือกทหารในปีนี้ถือเป็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญเนื่องจากผ่านการตรวจเลือกมาเพียง 9 วัน (จาก 16 วัน) แต่กลับมีผู้สมัครเป็นทหารจำนวนมากถึง 23,126 คน นับเป็นยอดสูงสุดของการสมัครเป็นทหารเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในทุกปีที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย