ทำเนียบ 7 ก.พ.- นายกฯ บอกอยู่ระหว่างตัดสินใจ ลงปาร์ตี้ลิสต์รวมไทยสร้างชาติ รอให้ถึงเวลาก่อน ยันไม่นำคนต่างประเทศมาเลือกตั้ง กำชับหาเสียงให้ระมัดระวัง อย่าไปยุ่งกับใคร หลัง “อนุทิน” เข้าขอโทษ ลูกพรรคปราศรัยพาดพิง
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง การตัดสินใจ ลงสมัครส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า อยู่ระหว่างการตัดสินใจของตนเอง ขณะนี้ยังไม่ทราบ รอให้ถึงเวลาก่อน ขณะนี้ยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องในใจก็ถือเป็นเรื่องในใจ จะมาข้างนอกใจได้อย่างไร
ส่วนการที่นายกฯ จะลงสมัครส.ส. ซึ่งมีวาระ 4 ปี แต่นายกรัฐมนตรีสามารถดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 ปี แสดงว่านายกรัฐมนตรีจะทำการเมืองยาวหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ย้อนถามว่า ตามกฎหมายทำได้หรือไม่ กฎหมายกำหนดให้เป็นได้กี่ปี ก็เท่านั้นแหละ อย่าคิดไปเรื่อย คำถามแบบนี้ไม่เกิดประโยชน์ ขอไม่ตอบ เพราะตอบไปก็เท่านั้น
ส่วนท่าทีของกลุ่มสามมิตรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าก็เป็นเรื่องของกลุ่มสามมิตร ไม่เกี่ยวกับตนเอง ส่วนที่มีกระแสข่าว ว่ากลุ่มสามมิตรจะส่ง ส.ส.ไปสังกัดพรรคเพื่อไทย ก็ถือเป็นเรื่องของเขา เช่นเดียวกับกรณีที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ยืนยันว่าจะยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ก็ขอให้ไปสอบถามเจ้าตัว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่า ในอนาคตจะมีรัฐบาลหรือส.ส.ข้ามขั้วหรือไม่ เพราะว่าทุกอย่างในอนาคตข้างหน้าเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคือการแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอน และได้รับการยืนยันว่าจะไม่มีการนำคนต่างประเทศมาลงคะแนนเลือกตั้งด้วย ซึ่งเป็นเพียงการเสนอว่า ในแต่ละพื้นที่มีประชากรจำนวนเท่าใด แต่สำคัญที่สุดคือคนไทยทุกคนต้องเลือกตั้ง และไม่มีที่ไหนที่จะให้คนต่างประเทศมาเลือกตั้งในประเทศไทย
ส่วนกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เข้าไปขอโทษ ภายหลังมีลูกพรรคปราศรัยพาดพิงพลเอกประยุทธ์นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีอะไรมาชี้แจงให้ฟัง คงไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจอะไรกัน เพราะเชื่อว่าหัวหน้าพรรคมีความคิดที่ดีอยู่แล้ว
ส่วนความสัมพันธ์กับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ไม่มีอะไร ยังพูดคุยกันตามปกติ และมีความเป็นห่วง ขณะที่ตนเองได้บอกว่า ขอให้ทุกคนต่างหาเสียงไป แต่ให้ระมัดระวังในภาพรวม และ พรรคที่ตนเองเป็นสมาชิก ก็ได้สั่งการไปแล้วว่า อย่าไปยุ่งกับใคร ขณะเดียวกันได้กำชับในเรื่ององค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยได้กำชับทุกครั้ง ว่าให้เข้าร่วมการประชุม เพื่อพิจารณากฎหมายสำคัญต่างๆ ที่ยังมีอยู่ ส่วนกฎหมายการเมือง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตนจะไปจับเขาผูกขาได้หรือไม่ ก็ไม่ได้.- สำนักข่าวไทย