พร้อมรับ นทท.จีน ย้ำไม่ต้องตรวจ RT-PCR หรือ ATK

ทำเนียบ 5 ม.ค.- “อนุทิน” พร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวทุกชาติ ย้ำไม่ต้องตรวจ RT-PCR หรือ ATK เพราะผ่านการคัดกรองจากประเทศต้นทางแล้ว ไม่จำกัดโซนนิ่ง เที่ยวได้ทั่วไทย ยันไทยไม่บูลลี่จีน พร้อมทบทวนมาตรการหากพบเชื้อกลายพันธุ์


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวก่อนการประชุมร่วม 4  กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการต่างประเทศ ในการเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนว่า จะได้รับทราบถึงมาตรการในการรองรับสถานการณ์ที่จะให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับไทย เบื้องต้นได้ให้คณะกรรมการวิชาการสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคเป็นผู้กำหนดมาตรการ นำไปสู่แนวทางการดำเนินการ ซึ่งมติที่ได้ในการประชุมวันนี้ (5 ม.ค.) จะเป็นแนวทางในการปฏิบัติพร้อมกันทั่วประเทศ โดยหลักคือปฏิบัติกับทุกประเทศอย่างเท่าเทียม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ยืนยันว่าประเทศไทยไม่มีปัญหากับประเทศจีน โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเรามีความสัมพันธ์ที่ดี เกื้อกูลซึ่งกันและกันมาโดยตลอดและเป็นมิตรประเทศที่ดี

เมื่อถามว่าการป้องกันและควบคุมที่แตกต่างจากเดิมคืออะไร นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้จะใช้มาตรการที่มีอยู่เดิมให้มากที่สุด เพราะไทยรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทุกประเทศมีการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด แต่สิ่งที่ต้องเน้นคือต้องให้คนไทยทุกคนควรมีวัคซีนอย่างน้อย 4 เข็ม เพื่อความปลอดภัย ลดความเสี่ยงของการเจ็บหนักและเสียชีวิต นอกจากนั้นจะใช้มาตรการเดิมที่หากเข้าพื้นที่เสี่ยง ต้องใส่หน้ากากอนามัย การให้บริการนักท่องเที่ยวผู้ประกอบการก็สวมใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลทั่วไป ซึ่งไทยถือว่ามากกว่าประเทศอื่นด้วยซ้ำ 


“ขณะนี้ยังไม่มีข้อกำหนดว่า การเดินทางเข้าไทยจะต้องตรวจ RT-PCR หรือ ATK เพราะแต่ละประเทศจะมีวิธีการคัดกรองจากประเทศต้นทางอยู่แล้ว และก่อนกลับเข้าไปยังประเทศต้นทางก็ต้องตรวจ RT-PCR จากไทยยืนยันผลกลับไป โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมสถานที่ให้บริการที่สามารถตรวจ RT-PCR ให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางกลับประเทศได้ โดยถือเป็นการคัดกรองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว และไทยขอแนะนำว่าเพื่อความสะดวกควรจะมีประกันสุขภาพระหว่างการเดินทางและส่วนใหญ่มีอยู่แล้ว” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ในที่ประชุมจะสอบถามกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาว่า การเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยว หรือ ค่าเหยียบแผ่นดิน จะมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ ซึ่งจะเป็นเสมือนหลักประกันที่จะต้องดูแลรักษานักท่องเที่ยวที่เจ็บป่วย ไม่ใช่เฉพาะโควิดอย่างเดียว ขณะที่ระบบสาธารณสุขของไทย คือ สปสช. ก็มีงบประมาณจำนวนหนึ่ง ที่จะดูแลคนต่างชาตินักท่องเที่ยวที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อาจารย์แพทย์หลายคนออกมาโพสต์โซเชียลมีเดียที่น่าเชื่อถือและเป็นไปตามหลักวิชาการทางการแพทย์ เพื่อสร้างความมั่นใจและความเข้าใจให้กับประชาชน

เมื่อถามว่านักท่องเที่ยวจีนต้องได้รับวัคซีนกี่เข็มในการเข้าประเทศไทย และมีแนวคิดที่จะให้วัคซีนฟรีกับนักท่องเที่ยวจีนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่ายังไม่มีไอเดียที่จะให้วัคซีนฟรีกับชาวต่างชาติ แต่หากมาถึงประเทศไทยมีความประสงค์จะฉีดวัคซีนที่อยู่ในไทย โดยเฉพาะวัคซีนชนิดอื่นที่ไม่มีในจีนก็มารับบริการทางการแพทย์ของไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย ให้ฟรีไม่ได้ ส่วนราคาเข็มเท่าไหร่นั้น ปลัดกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้กำหนดค่าบริการ ซึ่งมาตรการที่ออกมาก็จะกระจายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นผลปฏิบัติกับนักท่องเที่ยว เช่น ตรวจคนเข้าเมืองจะต้องมีวิธีการตรวจอย่างไร  โดยเวลาไม่ให้เสียเวลามากสำหรับการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งจากกระทบกับปัญหาการบริการเกิดการกระจุกตัวตามด่านตรวจ


ส่วนกระทรวงสาธารณสุขจะต้องจับตาอย่างใกล้ชิดหลังจากนี้หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ทุกกระทรวงต้องบูรณาการกัน ซึ่งวันนี้ไม่มี ศบค. กระทรวงสาธารณสุขก็จะทำหน้าที่เช่นที่ ศบค. เคยทำ แต่จะเป็นการขอความร่วมมือ ทำความเข้าใจ โดยมีเป้าหมายตรงกันว่า เราต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เสียหายให้กลับคืนมา ภายใต้ระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งคนไทยมีความรอบรู้ด้านสุขภาพเป็นจำนวนมาก ทำให้คนที่อยู่ต่างประเทศเชื่อมั่นในเมืองไทย

“จะเป็นโอกาสตีคืนในสิ่งที่เราเสียหายไป ดังนั้นเราต้องมีความพร้อม นั่นคือเราต้องมีวัคซีนคนไทยฉีด และบางส่วนมีภูมิคุ้มกันธรรมชาติ ยา วัคซีน แพทย์ พยาบาล พร้อม ซึ่งทุกอย่างจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้เราต้อนรับนักท่องเที่ยว  ที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจของบ้านเรา” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจีนสามารถท่องเที่ยวได้ทั่วประเทศ จะไม่มีการแบ่งว่าเป็นนักท่องเที่ยวจีนหรือประเทศใด เพราะทุกคนล้วนมาจากประเทศที่มีการติดเชื้อ หากมีเชื้อใหม่ที่มีความเสี่ยง มาตรการต่างๆ ก็สามารถปรับได้

เมื่อถามว่ามีแนวทางอย่างไรในการทำความเข้าใจกับประชาชนบางส่วนที่ยังคงบูลลี่คนจีน เพื่อให้ยอมรับและเข้าใจ นายอนุทิน กล่าวว่า  ยังไม่เห็นมีใครบูลลี่ ถึงขั้นเป็นกระแสทั่วประเทศ คนไทยคนจีนไม่ใช่ปัญหา เป็นบ้านพี่เมืองน้องกัน เราทำตามมาตรฐานและมีมาตรการทางการแพทย์เป็นตัวกำหนดแนวทางปฏิบัติแนวทางปฎิบัติตามกฏหมายภายใต้พรบ.โรคติดต่อที่จะกำหนดมาตรการแนวทาง ขณะที่รายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่จะมาประเทศไทยกี่คนในล็อตแรก  นายอนุทิน กล่าวว่า มีการรายงานในภาพรวม ในเดือนแรกจะมีประมาณ 40,000 – 50,000 คน ซึ่งอยู่ในวิถีที่รับมือได้ เพราะเราเคยรับมือนักท่องเที่ยวปีละ 30 – 40 ล้านคนมาแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]