ทำเนียบ 21 พ.ย.- “วิษณุ” ยันไม่ตั้งรับ ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินกฎหมายลูกเลือกตั้งสัปดาห์หน้า รอผลตัดสิน ชี้ 3 ฝ่ายหาทางออกร่วมกัน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมตัดสินกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 30 พ.ย.ว่า รัฐบาลตั้งรับอย่างไร โดยนายวิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ตั้งรับอะไรเพราะไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไรแต่หากออกมาแล้วถึงจะรู้ว่าจะทำอย่างไร การตั้งรับเป็นภาระรับผิดชอบของหลายฝ่ายทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง รัฐบาล รวมถึงสมาชิกรัฐสภาที่จะต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาถ้ามันมีปัญหา แต่หากไม่มีปัญหาก็แล้วไป
เมื่อถามว่า หากเป็นปัญหาจะเป็นอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไร เพราะไม่รู้ ยังไม่ได้ตัดสิน
เมื่อถามว่า หากการเพิ่มบัตรใบเดียวแก้ไม่เสร็จและจากกระทบกฏหมายตัวแม่จะต้องกลับไปรื้อใหม่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า กระทบตัวแม่ก็คือรัฐธรรมนูญ กฏหมายมันขัดรัฐธรรมนูญไม่ได้แต่รัฐธรรมนูญขัดกฏหมายอื่นได้ ดังนั้น เอารัฐธรรมนูญเป็นตัวตั้ง
เมื่อถามว่า อาจจะต้องออกพระราชกำหนดหรือกฎหมายใหม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ไม่รู้ แต่ต้องหยุดรัฐธรรมนูญไว้ เว้นแต่เสียใจจะแก้รัฐธรรมนูญใหม่
เมื่อถามว่ากรณีมีการอ้างว่ารัฐธรรมนูญ แย้งกันเอง ระหว่างมาตรา 93 และมาตรา 91 นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ต้องรอฟังว่า ศาลจะวินิจฉัยว่า แย้งกันเองหรือไม่ ถ้าศาลบอกว่าแย้งกันเองก็จะได้หาทางกัน แต่ถ้าหากศาลบอกว่า ไม่แย้งก็ไม่รู้ว่า จะต้องมาสงสัยทำไม
เมื่อถามว่ากรอบเวลาจากนี้ไปจนถึงการเลือกตั้งจะแก้ทันใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อยู่ที่ว่าเราจะแก้โดยวิธีอะไร หากแก้ด้วยการออกพระราชบัญญัติและร่วมมือกันเร่ง ก็จะได้ เพราะเดือนพฤศจิกายนครึ่งเดือน ธันวาคมและมกราคมเต็มเดือน รวมถึงกุมภาพันธ์ สองสภารวมกัน หากไม่มีใครดึงให้ช้าก็สามารถไปได้ และอีกประการคือไม่ใช่ว่าจะหมดแค่เดือนกุมภาพันธ์เพราะสภาหมดวาระในวันที่ 22 มีนาคม คือปิดสมัยประชุมหากจำเป็นก็สามารถเปิดสมัยประชุมวิสามัญขยายเวลาออกไปก็ได้ เพราะสมัยประชุมกำหนดไว้แต่สภายังไม่หมดอายุ
เมื่อถามว่าแม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่สามารถเลยวันที่ 7 พฤษภาคมได้ใช่หรือไม่นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่เคยพูด 7 พฤษภาคม แต่ กกต.เป็นคนกำหนด ส่วนกรอบการเลือกตั้งต้องเป็นไปตามกฏหมาย หากยุบสภาจะวันไหนก็ได้หากอยู่ไปจนครบวาระแล้วคณะกรรมการการเลือกตั้งก็กำหนดว่าครบวาระจะต้องเลือกภายใน 45 วันในระยะเวลาที่ยาวที่สุด ก็คือวันที่ 7 พฤษภาคมเป็นเรื่องที่กกต.บอกให้รู้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมตัว ซึ่งจนถึงขณะนี้ไม่ได้พบหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตนเชื่อว่า เมื่อตัดสินแล้วก็คงต้องมาดูกันว่าต้องมาหารือร่วมกันสามฝ่าย รัฐบาล คณะกรรมการการเลือกตั้งและรัฐสภา ต้องร่วมกันทั้งสามฝ่าย
เมื่อถามว่า ที่สุดแล้วจะมีสุญญากาศถึงขั้นไม่มีกฎหมายก่อนการเลือกตั้งใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ตนไม่กล้าตอบ เพราะไม่ทราบว่าศาลจะบอกว่ากฎหมายจะใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ ในประเด็นใดเรื่องใด มากหรือน้อย
เมื่อถามว่า ตอนนี้เตรียมทางหนีทีไล่ไว้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี เพราะไม่รู้จะเตรียมไว้ทำไม เพราะออกมาก็รู้ผลแล้ว และเชื่อว่า ศาลอาจจะแนะนำทางออกเอาไว้ให้ด้วยซ้ำ เหมือนกับหลายกรณีที่ศาลเคยแนะทางออก เพราะเขาไม่อยากเหนื่อยหลายหน
เมื่อถามว่า หากขณะนี้ นายกรัฐมนตรีต้องการลงพื้นที่หาเสียงต้องใช้เวลานอกราชการใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าใช้คำว่าหาเสียง ต้องนอกเวลาราชการ แต่หากไปในการบริหารราชการแผ่นดินไปตรวจน้ำท่วมไฟไหม้เยี่ยมราษฎร เราไม่เรียกว่า เป็นการหาเสียง ส่วนจะแยกได้อย่างไร ดูรู้ ไม่ถึงขนาดดูไม่ออก
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีเคยปรึกษาถึงอนาคตทางการเมืองหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เคย
เมื่อถามว่าไทม์ไลน์ที่ดีในการยุบสภาควรเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ
เมื่อถามว่าหลังกฎหมายเลือกตั้งเรียบร้อยใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี ไม่เกี่ยวกันมันอยู่ที่ว่ารัฐบาลเห็นความจำเป็นเกิดขึ้น
เมื่อถามว่าภาวะรัฐบาลเช่นนี้ควรจะยุบสภาหรืออยู่จนครบวาระ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ ไม่ตอบ.-สำนักข่าวไทย
