กทม. 13 พ.ย.- ซูเปอร์โพล เผยภาพจำว่าที่นายกรัฐมนตรีในสายตาประชาชน “จุรินทร์” ติดโผชัดเจน จงรักภักดี แก้ปากท้อง ชาวบ้านเข้าถึงง่าย ขณะที่ “อนุทิน” เด่นแก้วิกฤติโควิด จิตใจดี กล้าเปลี่ยนแปลง “อุ๊งอิ๊ง” คนรุ่นใหม่ ทายาท ดร.ทักษิณ กล้าทำงานการเมือง “บิ๊กตู่” เด่นทำประเทศสงบ ป้องสถาบันชาติ “บิ๊กป้อม” คนติดตาทำหน้าที่รักษาการนายกฯ 1 เดือนได้ดี
ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยถึงผลสำรวจเรื่อง “ภาพจำแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จากผู้ถามผู้ตอบและเครื่องมือวัด จำนวน 1,108 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 8-12 พ.ย.65 ที่ผ่านมา โดยพบว่า 5 อันดับแรก ภาพจำที่ประชาชนประทับใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แก่ อันดับแรก มีผลงานเด่น เช่น ความสงบบ้านเมือง แก้ปัญหาค้ามนุษย์ โครงสร้างพื้นฐาน (38.8%) รองลงมาอันดับที่ 2 คือ ชัดเจนปกป้องเสาหลักของชาติ (38.2%) อันดับที่ 3 คือ เปิดประเทศได้สำเร็จ (34.4%) อันดับที่ 4 คือ มีความอดทน รับแบกภาระหนัก แก้วิกฤตประเทศรอบด้าน (33.8%) อันดับที่ 5 คือ ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกงกิน (33.5%)
ขณะที่ 5 อันดับแรก ภาพจำที่ประชาชนประทับใจ ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้แก่ อันดับแรก คือ เป็นคนรุ่นใหม่ (56.5%) อันดับที่ 2 คือ เป็นบุตรสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร (56.5%) อันดับที่ 3 คือ เป็นผู้หญิง กล้าทำงานการเมือง (51.1%) อันดับที่ 4 คือ รักษาฐานเดิมของพรรคเพื่อไทย (49.3%) อันดับที่ 5 คือ สุภาพ อ่อนน้อม เรียบง่าย พูดจาดี (47.1%)
ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล มีภาพจำที่ประชาชนประทับใจอันดับแรก คือ มีผลงานแก้วิกฤตโควิด นานาประเทศยอมรับ ยกย่องประเทศไทย (44.8%) อันดับที่ 2 คือ จิตใจดี มีน้ำใจช่วยเหลือชีวิตประชาชน กับภารกิจส่งหัวใจ อวัยวะผู้ป่วย (38.5%) อันดับที่ 3 คือ มีความรู้ความสามารถ การศึกษาดี (31.4%) อันดับที่ 4 คือ กล้าคิด กล้าทำ กล้าเปลี่ยนแปลง (30.5%) และอันดับที่ 5 คือ เป็นคนทำงานจริง (30.2%)
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีภาพจำที่ประชาชนประทับใจอันดับแรก คือ ชัดเจน จงรักภักดี ปกป้องเสาหลักของชาติ ต่อต้านยกเลิก ม.112 (42.7%) อันดับที่ 2 คือ มีวิสัยทัศน์เศรษฐกิจโลก นโยบายเศรษฐกิจทันสมัย แก้ปัญหาปากท้อง (39.5%) อันดับที่ 3 คือ สุภาพพูดจาดี ไม่ดุดัน (38.8%) อันดับที่ 4 คือ ใกล้ชิด ได้รับการสนับสนุนจากนายชวน หลีกภัย (37.9%) และอันดับที่ 5 คือ เป็นกันเอง ชาวบ้านเข้าถึงง่าย ไม่เรื่องมาก (38.8%)
นอกจากนี้ 5 อันดับแรกของภาพจำที่ประชาชนประทับใจต่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พบว่า อันดับแรก คือ เป็นคนรุ่นใหม่ (48.6%) อันดับที่ 2 คือ กล้าเปลี่ยนแปลง (46.0%) อันดับที่ 3 คือ มีการศึกษาดี (43.7%) อันดับที่ 4 คือ มีความสามารถ (41.8%) และอันดับที่ 5 คือ เป็นคนทำงาน (41.3%)
ที่น่าสนใจคือ 5 อันดับแรกของภาพจำที่ประชาชนประทับใจต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พบว่า อันดับแรก คือ ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีได้ดี ช่วง พล.อ.ประยุทธ์ ถูกศาลสั่งพักงาน (48.2%) อันดับที่ 2 คือ มีผลงานแก้ค้ามนุษย์ หนี้นอกระบบ แก้ภัยแล้ง (41.2%) อันดับที่ 3 คือ มีเครือข่ายกว้างไกล มีบารมีจัดการกลุ่มอิทธิพล (40.3%) อันดับที่ 4 คือ ชัดเจน ปกป้องเสาหลักของชาติ (37.6%) อันดับที่ 5 คือ มีประสบการณ์จัดการการเมืองและระบบราชการ (37.4%) ตามลำดับ
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลนี้ชี้ให้เห็นว่า ภาพจำของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนประทับใจ เป็นลักษณะเฉพาะตัวของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแต่ละคน ทั้งในเรื่องผลงาน ประสบการณ์การเมือง บุคลิกภาพ และลักษณะเด่น เช่น ความเป็นผู้นำ และความเป็นคนรุ่นใหม่ ข้อมูลที่ค้นพบนี้นำไปสู่การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่ประชาชนมีเป็นภาพจำ กับสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ผศ.ดร.นพดล กล่าวต่อว่า นี่คือการรับรู้ภาพจำทางการเมืองที่แยกออกมาเป็นลักษณะเฉพาะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแต่ละคน แล้วการรับรู้ภาพจำนี้มีผลอย่างไรต่อการตัดสินใจของประชาชน มีอิทธิพลอย่างไรบ้าง ในเชิงปรัชญาการเมือง ภาพจำและความเป็นผู้นำสามารถแปลงออกมาเป็นการวางเป้าหมายและยุทธศาสตร์กระแสพรรคชนะการเลือกตั้งได้บนความสามารถปั่นกระแสสร้างแรงจูงใจประชาชนให้มีส่วนร่วม เช่น ช่วงวิกฤตโควิดที่ประชาชนให้ความร่วมมือกักตัวอยู่บ้านและยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่เชิงสุขภาพ ที่อาจเกิดขึ้นทั้งจากความสามารถบริหารจัดการของรัฐบาล หรืออาจเกิดขึ้นจากความกลัวของประชาชนมาเป็นส่วนประกอบ การสร้างกระแสความกลัวจากภาพจำจึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในเกมการเมือง
“นอกจากนี้ ระหว่างภาพจำ อิทธิพล และขั้วการเมืองแบ่งซ้ายและแบ่งขวา อันไหนสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนมากกว่ากัน และจะสามารถมีทางเลือกที่สามในทางสายกลางเชื่อมทั้งสองขั้วการเมืองได้หรือไม่ งานโพลชิ้นนี้จึงเป็นการนำเสนอข้อมูลที่มีนัยสำคัญ เพื่อให้เดินเกมการเมืองต่อในการตัดสินใจของประชาชน” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว.-สำนักข่าวไทย