กรุงเทพฯ 18 ต.ค. –“เชาว์” ชี้ ต่อย “ศรีสุวรรณ” สะท้อน ความขัดแย้งการเมือง ยังฝังรากลึก เตือน สื่อ อย่าประโคมข่าว ให้คนก่อเหตุกลายเป็นฮีโร่ของขั้วเห็นต่าง หวั่น เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ทำลายบรรยากาศเลือกตั้ง บี้ สอบสวนกลาง สอบ ตร. ปล่อยคนทำผิดซึ่งหน้าหนีลอยนวล ไม่ดำเนินคดี
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง ต่อย ศรีสุวรรณ จรรยา สะท้อนบริบทการเมืองไทย มากกว่าเรื่องกฎหมาย มีเนื้อหาระบุว่า คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ถูกชายคนหนึ่งทำร้ายร่างกาย ซึ่งเกิดเหตุขณะที่ นายศรีสุวรรณ แถลงข่าวหลังยื่นหนังสือต่อกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อเอาผิด เดี่ยว 13 “โน้ส” อุดม แต้พานิช สนับสนุนม็อบไล่นายกฯ ต่อมาทราบว่าชายคนดังกล่าวชื่อ วีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล ได้ให้สัมภาษณ์อย่างภาคภูมิใจว่า ตั้งใจมาตบเพื่อสั่งสอน เพื่อจะบอกว่าคนเห็นต่างก็มี และบอกว่าตั้งใจแบบนั้จริงๆ’ พร้อมระบุว่าตนอายุ 62 ปี และยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อยู่ในเหตุการณ์ จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุจึงปล่อยให้คนร้ายขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปต่อหน้าต่อตา ทั้งที่เป็นความผิดซึ่งหน้า
“เจ้าพนักงานตำรวจสามารถกระทำการจับกุมคนร้ายโ ดยไม่ต้องมีหมายจับได้ทันที เพราะคดีทำร้ายร่างกายไม่ใช่คดีความผิดส่วนตัวแต่เป็นคดีอาญาแผ่นดิน พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุและเห็นเหตุการณ์สดๆ แต่ไม่จับกุม ทั้งที่ตนเองมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ สุ่มเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดีหากมีใครกล่าวโทษ ซึ่งกองบัญชาการสอบสวนกลาง ต้องสอบสวนเรื่องนี้และดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหน้าที่ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็นด้วย”นายเชาว์ กล่าว
นายเชาว์ กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวและไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาทุกรูปแบบ การเห็นต่างไม่ควรถูกนำมาเป็นข้ออ้างในการใช้ความรุนแรงกับอีกฝ่ายหนึ่ง และไม่ควรอย่างยิ่ง หากจะมีการชูผู้ก่อเหตุเป็นฮีโร่ของอีกขั้วหนึ่ง ซึ่งจะยิ่งตอกลิ่มความขัดแย้งให้ฝังรากลึกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว หากมีการยกยอปอปั้น สร้างผู้ก่อเหตุให้กลายเป็นฮีโร่ พฤติกรรมเลียนแบบจะผุดขึ้นจนยากที่จะควบคุม เพราะกลายเป็นว่าทำรุนแรงแล้วได้เป็นข่าว กลายเป็นที่รู้จัก สื่อมวลชนก็ไม่ควรโหมประโคมข่าว หรือสัมภาษณ์ผู้ก่อเหตุ ซึ่งจะยิ่งกลายเป็นการขยายผลให้ตรรกกะในการแก้ปัญหาบิดเบี้ยวไป.สำนักข่าวไทย