รัฐสภา 7 ก.ย.-ประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 2 ส.ว.-ส.ส.รัฐบาลอภิปรายมากกว่าเมื่อวาน “กิตติศักดิ์” ระบุทหารเข้ามาแก้ปัญหา ทำรธน.ใหม่เพราะการเมืองทุจริต ขณะ “พิเชษฐ์” ลุกโต้ ได้เป็นส.ว.เพราะนำม็อบข้าวพิจิตร
การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรรมนูญวันที่สอง บรรยากาศการอภิปรายแตกต่างจากวันแรก เนื่องจากมีส.ว.และส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลใช้สิทธิ์อภิปรายแสดงความเห็น แตกต่างจากการอภิปรายวันแรกที่มีพบว่า ผู้อภิปรายส่วนมากเป็นส.ส.พรรคฝ่ายค้านเท่านั้น ทั้งนี้ ในการอภิปรายช่วงหนึ่งมีเหตุวุ่นวาย โดยมีการตอบโต้ระหว่างส.ว.และส.ส.เพื่อไทย ซึ่งนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. อภิปรายว่า เหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองก่อนรัฐประหารปี2557 เกิดขึ้น เพราะนักการเมืองทุจริต โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว มีนักการเมืองติดคุกเป็นร้อยปี อย่างไรก็ตาม เมื่อการเมืองมีทุจริต ทหารที่รักชาติจึงเข้ามาแก้ปัญหา ทำรัฐธรรมนูญใหม่
“นักการเมืองบางพรรคบางคนที่ด่านายกฯ พักงาน และด่า ส.ว.แบบเสียผู้เสียคน ไม่ให้เกียรติ ดูหมิ่นศักดิ์ศรี ทั้งที่บางคนไม่มีศักดิ์ศรีเท่าส.ว.ด้วยซ้ำ ผมมองว่าทุกคน ทุกหน่วยงานไม่มีคนดี คนชั่วทั้งหมด แต่มีคละกันไป ส.ว.ชุดพวกเรามาทำหน้าที่ช่วยประคองบ้านเมืองมาถึงทุกวันนี้ แทนที่จะเกิดสงครามกลางเมือง นายกฯ ชั่ว นายกฯ โกงประเทศไทยมีจริง แต่ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกิตติศักดิ์ กล่าว
การอภิปรายของนายกิตติศักดิ์ ทำให้นายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงระบุว่า ไม่ให้ราคาส.ว.ที่ชื่อกิตติศักดิ์ เพราะมาเป็นส.ว.ได้เพราะม็อบข้าวพิจิตร วัดบางคล้าก็ไม่ให้เข้าวัด ทำให้นายกิตติศักดิ์ตอบโต้กลับว่า ตนเข้าวัดบางคล้าได้ ขอให้ไปหาข้อมูลมาใหม่ ส่วนวันที่เลือกนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งคนชิงนายกฯ เนื่องจากไม่มีตัวคุณภาพเท่ากับพล.อ.ประยุทธ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการอภิปรายของส.ว. ทั้งนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ และ นพ.เจตน์ ศิรธนานนท์ สนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่แก้ไขในหมวดสิทธิและเสรีภาพ โดยให้ความเห็นว่า หากได้รับความเห็นชอบต้องแก้ไขในรายละเอียดบางประเด็นเพื่อให้เกิดความรอบคอบ โดยนพ.เจตน์ อภิปรายว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะสิทธิของบุคคลที่มีส่วนร่วมในพรรคการเมือง ที่ลดระดับการมีส่วนร่วมกิจกรรมในพรรคการเมือง ซึ่งอาจเกี่ยวโยงกับประเด็นการทำไพรมารี่โหวต ที่สร้างความเป็นประชาธิปไตยในพรรค ไม่ถูกนายทุนครอบงำ ซึ่งส.ว.ต้องการให้คงไว้ ขณะที่การแก้ไขประเด็นเกี่ยวกับสิทธิของบุคคลที่จะรับบริการสาธารณสุขที่เหมาะสมและมาตรฐาน หากกำหนดให้เป็นมาตรฐานเท่ากับทุกโรงพยาบาลอาจจะเกิดปัญหาได้.-สำนักข่าวไทย