รัฐสภา 17 มี.ค. – รัฐสภาถกญัตติส่งศาล รธน. ตีความอำนาจรัฐสภาแก้ รธน.แล้ว “เปรมศักดิ์” เสนอญัตติ ชี้อย่าผูกแก้ รธน.กับการเลือกตั้ง เหตุรัฐบาลอาจอยู่ไม่ครบเทอม ด้าน “เทวฤทธิ์” ประกาศไม่ขวาง จี้รัฐบาลเร่งรัดทำ รธน.ฉบับประชาชน “ไอติม” จี้นายกฯ แสดงภาวะผู้นำแก้ รธน. ชี้ส่งศาล รธน.เคลียร์เทคนิคกฎหมาย ไม่การันตี สส.-สว. จะสนับสนุน
ในการประชุมร่วมรัฐสภา โดยมีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมได้พิจารณาญัตติด่วน เรื่องขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ซึ่งเสนอโดยนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. และญัตติทำนองเดียวกันที่เสนอโดย นายวิสุทธิ์ ไชยรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดต่อประเด็นหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก่อนการออกเสียงประชามติถามความต้องการของประชาชนต่อการได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่
ทั้งนี้ในการเสนอญัตติ นพ.เปรมศักดิ์ อภิปรายตอนหนึ่งว่าตนขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า รัฐสภาจะลงมติเห็นชอบต่อการเพิ่มหมวดใหม่ว่าด้วยจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก่อนการออกเสียงประชามติของประชาชนได้หรือไม่ และหากรัฐสภามีอำนาจแล้ว การออกเสียงประชามตินั้นจะทำภายหลังจากที่มีการแก้ไขและพร้อมกับที่ให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบได้หรือไม่ ทั้งนี้ที่มีคนบอกว่าการเสนอศาลรัฐธรรมนูญอาจเป็นการประวิงเวลาและไม่ทันต่อการเลือกตั้งสส. ปี 2570 ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่กระทบต่อการเลือกตั้ง สส. และการเลือกตั้งย่อมเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ จะครบเทอมหรือไมไม่มีใครทราบ
“การกำหนดเวลาของการแก้ไข ไม่สุขุมรอบคอบเพราะการแก้ไขรรัฐธรมนุญเป็นงานใหญ่ ต้องอาศัยยหลอมรวมความคิดเปรียบประชาธิปไตยเป็นประชาธิปไตยไม่ใช่รถไฟความเร็วสูง ที่ต้องไปถึงเป้าหมายอย่างรวดเร็ว แต่เป็นรถไฟธรรมดาที่ต้องทยอยส่งผู้โดยสารให้ถึงบ้านปลอดภัย การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บอว่าต้องเร่งรัดเร่งรีบ แต่ต้องแก้ไขให้เป็นประโยชน์ของประชานไม่ใช่สนองอำนาจการเมือง นอกจากนั้นต้องรักษาเอกลักษณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง รวมถึงคำนึงถึงหลักการที่ประชาชนยอมรับ และไม่เตะหมวด 1 หมวด2” นพ.เปรมศักดิ์ อภิปราย
ด้านนายวิสุทธิ์ อภิปรายว่า ตามที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนกับคณะ ได้เสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ … พ.ศ. … ต่อรัฐสภา โดยมีหลักการแก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มเติมหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และของตนกับคณะ ที่เข้าชื่อเสนอ อันเป็นหลักการเดียวกัน ซึ่งประธานสภาฯ ได้มีคำสั่งให้บรรจุทั้ง 2 ฉบับ เข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และที่ประชุมรัฐสภา และมีการพิจารณาในวาระแรกรับหลักการ วันที่ 13-14 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ตนและสมาชิกที่มีชื่อท้ายญัตตินี้ เห็นว่าประธานได้บรรจุแล้ว แต่ปรากฏว่าเกิดความขัดแย้งและความเห็นต่างของสมาชิกรัฐสภา ทั้งที่เกี่ยวข้องกับอำนาจของรัฐสภา โดยฝ่ายหนึ่งเห็นว่า รัฐสภาไม่มีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณาลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 2 ฉบับ เนื่องจากยังไม่ได้จัดทำให้มีการออกเสียงประชามติ ว่า ประชาชนประสงค์ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ หรือไม่เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564
นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นเพื่อให้มีหลักเกณฑ์ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในหมวดที่ 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น ภายหลังที่ประชุมรัฐสภาได้เห็นชอบการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญแล้ว จึงไปดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ เมื่อสมาชิกรัฐสภามีความเห็นขัดแย้งกัน จึงทำให้รัฐสภาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามหน้าที่และอำนาจที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการทำหน้าที่ของรัฐสภา จึงถือเป็นกรณีที่เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว และยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในปัญหาดังกล่าว ดังนั้นตนจึงเสนอญัตติด่วนนี้ เพื่อให้รัฐสภาได้มีมติให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ว่ารัฐสภาจะพิจารณาและลงมติร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่มีบัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยที่ยังไม่มีผลการออกเสียงประชามติ ประชาชนประสงค์จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่
จากนั้นสมาชิกรัฐสภาได้อภิปรายแสดงความเห็นทั้งสนับสนุนญัตติและไม่สนับสนุน เพราะมองว่าเป็นการประวิงเวลาของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว.อภิปรายว่า ตนไม่เห็นด้วย แต่จะไม่ขวาง และระหว่างรอคำวินิจิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยากให้รัฐบาลพิสูจน์ตามคำพูดของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ที่แถลงนโยบายว่าจะเร่งรัดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนโดยเร็ว แต่ขณะนี้ผ่านมา 6 เดือน ยังไม่เห็นการเร่งรัด มีเพียงการออกมาพูดโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เท่านั้น ดังนั้นระหว่างรอให้รัฐบาลพิสูจน์ถึงความเร่งรัดดังกล่าว
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า มีสมาชิกบางคนไม่ได้สนใจ หรือมีข้อกังวลด้านข้อกฎหมาย แต่ไม่อยากแก้รัฐธรรมมนูญ จึงพยายามค้นหาข้อกังวลทางกฎหมายเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ หวังชะลอการจัดทำรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ปัญหาทางเทคนิคทำให้ประชาชนลืมประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปราบโกงปลดล็อคท้องถิ่น และแก้ปัญหาให้ประชาชน ทั้งนี้สิ่งที่ไม่ประสบความสำเร็จต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญไม่ใช่ข้อกังวลทางการกฎหมาย แต่คือเจตจำนงของัรฐบาลที่การส่งศาลรัฐธรรมนูญไม่สามรถแก้ไขให้ได้
นายพริษฐ์ อภิปรายด้วยว่า การส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญศาลอาจจะไม่รับไว้พิจารณาเหมือนที่เคยเกิดขึ้น หรือรับไว้พิจารณาแต่ไม่มีคำวินิจฉัยที่ชัดเจนหรือไม่วินิจฉัยเพิ่มเติมจากปี2564 จะทำให้รัฐสภากลับมาสู่จุดเดิม ดังนั้นสิ่งที่จะทำได้คือต้องอาศัยเจตจำนงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ต้องโน้มน้าวสมาชิกรัฐสภาซีกรัฐบาล ซึ่งภารกิจดังกล่าวไม่มีศาลรัฐธรรมนูญช่วยได้ เพราะต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้เดินหน้าได้ ไม่มีหลักประกันใดว่าสส.และสว.กลุ่มที่หัวใจเดียวกันจะร่วมลงมติสนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
“การส่งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญไม่จำเป็น เพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนสอดคล้องกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญทุกประการ ทั้งนี้การส่งไปศาลไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหา เพราะอุปสรรคไม่อยู่ที่ขัอกฎหมายแต่คือเจตจำนงของรัฐบาล ดังนั้นทางออกอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล สิ่งที่รัฐสภาควรทคือส่งสัญญาณไปยังทำเนียบ เพื่อให้น.ส.แพทองธาร แสดงภาวะผู้นำ และเจ้าภาพในการสร้างเอกภาพระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลผลักดันนโยบายเรือธง ต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สำเร็จ” นายพริษฐ์ อภิปราย.-319 -สำนักข่าวไทย