กกต. 5 ก.ย.- “ศรีสุวรรณ” ร้อง กกต.ยุบพรรคชาติพัฒนา หลัง “สุวัจน์-กรณ์” แถลงข่าวจับมือนั่งทีมเศรษฐกิจ เข้าข่ายครอบงำ ส่วน “กรณ์” ลาออกพรรคกล้าหรือไม่เป็นหน้าที่ กกต.ตรวจสอบ
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้ายื่นคำร้องขอให้ กกต.ดำเนินการไต่สวน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา และนายกรณ์ จาติกวณิช สมาชิกและหัวหน้าพรรคกล้า แถลงข่าวจับมือทางการเมือง โดยนายกรณ์จะเข้ามาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค และอาจเป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ทั้งๆที่ยังมีสถานะเป็นสมาชิกและหัวหน้าพรรคกล้า ซึ่งนายสุวัจน์ ประธานพรรคชาติพัฒนายินยอมให้นายกรณ์นั้น แสดงให้เห็นว่าพรรคชาติพัฒนายินยอมให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกสมาชิกพรรคเข้ามาครอบงำ ชี้นำพรรค เข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 28
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นายกรณ์ ได้ยืนยันว่า มาแถลงข่าวในนามส่วนตัวไม่ใช่ในนามพรรคกล้า หากพูดเช่นนั้นเป็นการยืนยันว่าพรรคกล้าไม่เกี่ยวกับการดิว การร่วมมือทำกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคชาติพัฒนาในครั้งนี้ ซึ่งนายกรณ์มีฐานะเป็นหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคกล้า การไปดำเนินกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคชาติพัฒนา มีกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 28 และ 29 โดยมาตรา 28 ระบุห้ามยินยอมให้คนอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคครอบงำ ชี้นำกิจกรรมของพรรค จนพรรคไม่ได้ดำเนินกิจกรรมเป็นไปตามครรลองของพรรค ส่วนมาตรา 29 กำหนดห้ามคนที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำการดำเนินกิจกรรมของพรรค ในลักษณะทำให้พรรคและสมาชิกพรรคขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรม ทั้งนี้ไม่ว่าทั้งทางตรงหรืออ้อม โดย กกต.มีอำนาจเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคชาติพัฒนาได้ ส่วนนายกรณ์ในฐานะเข้าข่ายละเมิดตามมาตรา 29 ก็มีความผิดตามมาตรา 108 มีโทษจำคุก 5-10 ปี และปรับ 1-2 แสนบาท หรือทั้งจับทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งได้ ซึ่งเป็นบทลงโทษที่ชัดเจน
“นายกรณ์ให้สัมภาษณ์ว่า ไปในนามส่วนบุคคล ไม่ได้เอาพรรคกล้าไปดำเนินการด้วย ดังนั้นจะอ้างว่าเป็นการดำเนินการเจรจาเพื่อควบรวมพรรคคงมิใช่ ดังนั้นเมื่อการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายหรือสุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย มาตรา 28 และ 29 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง จึงมาร้องให้ กกต.วินิจฉัยสืบสวนสอบสวนและเอาผิดต่อไป” นายศรีสุวรรณกล่าว
เมื่อถามว่านายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รักษาการเลขาธิการพรรคกล้า ออกมายืนยันว่านายกรณ์ได้ลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคกล้า ก่อนจะไปร่วมแถลงข่าว ยังเข้าข่ายความผิดหรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่านายกรณ์ยืนยันในวันที่ 2 กันยายนว่ามาในนานส่วนตัว ยังไม่ตอบว่าในนามพรรคหรือสมาชิกพรรคกล้า ซึ่งการลาออกหรือไม่ลาออก กกต.มีหลักฐานยืนยันอยู่แล้ว ว่าลาเมื่อไหร่ ยื่นใบลาออกแล้วหรือยัง ส่วนนายอรรถวิชช์จะรู้หรือไม่รู้นั้น ตนเองไม่ทราบ ตนก็มาร้องให้ กกต. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ กกต.มีอยู่ ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร อยู่ภายใต้การดูแล ซึ่ง กกต.สามารถวินิจฉัยได้
เมื่อถามว่าหากลาออกแล้วไปสมัครสมาชิกพรรคการเมืองใหม่สามารถทำได้หรือไม่ นายศรีสุวรรณ ระบุว่าสามารถทำได้ แต่เรื่องนี้เป็นความผิดเฉพาะตัว ไปอยู่ที่ไหน เมื่อ กกต.และศาล วินิจฉัย มันก็จบตรงนั้นทันที.-สำนักข่าวไทย