บทความนี้เรียบเรียงโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) โดยมีเนื้อหาหลักจากคลิปวิดีโอ
21 กันยายน 2568
ซีสต์เกิดขึ้นบริเวณใดของดวงตาได้บ้าง และซีสต์แบบไหนที่จะบ่งบอกถึงอันตรายต่อดวงตา
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
(สัมภาษณ์เมื่อ 29 สิงหาคม 2568)
ทำความเข้าใจกับซีสต์ที่ดวงตา : สาเหตุและกลไกการเกิด
ซีสต์ที่ดวงตาคือถุงน้ำที่เกิดขึ้นจากการอุดตันหรือความผิดปกติของต่อมต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่สร้างสารคัดหลั่ง เช่น น้ำตา ไขมัน หรือเหงื่อ ในบริเวณดวงตา เมื่อปากต่อมเหล่านี้เกิดการอุดตัน สารคัดหลั่งจะถูกกักเก็บและสะสมอยู่ภายใน ทำให้เกิดเป็นถุงน้ำหรือซีสต์ขึ้นมา ซึ่งสามารถพบได้ในสองบริเวณหลัก ๆ ของดวงตา
- บริเวณรอบเปลือกตา : เปลือกตาของเราประกอบไปด้วยต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ และต่อมน้ำตาหลายชนิด หากต่อมใดต่อมหนึ่งเกิดการอุดตัน ก็จะทำให้เกิดถุงน้ำหรือซีสต์ขึ้นได้ หากซีสต์บริเวณนี้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ เช่น จากการสัมผัสสิ่งสกปรกหรือการขยี้ตา ก็จะกลายเป็นภาวะที่คุ้นเคยกันดีในชื่อ “ตากุ้งยิง” ซึ่งเป็นการอักเสบของถุงน้ำหรือถุงไขมันรอบเปลือกตา
- บริเวณเยื่อบุตาขาว : เยื่อบุตาขาวเป็นส่วนที่คลุมรอบ ๆ ตาขาวของเรา และมีต่อมที่ทำหน้าที่สร้างน้ำตาจำนวนมาก หากต่อมเหล่านี้เกิดการอุดตัน ก็จะทำให้เกิดซีสต์ที่เยื่อบุตาได้ โดยทางการแพทย์จะเรียกว่า ภาวะ “คอนจิ” โดยส่วนใหญ่แล้ว ซีสต์ชนิดนี้มักปรากฏเป็นถุงน้ำใส ๆ และไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อการมองเห็น
สัญญาณเตือน : เมื่อซีสต์ที่ดวงตาอาจเป็นอันตราย
โดยทั่วไปแล้ว ซีสต์ที่ดวงตาจะไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด แต่อาจมีอาการระคายเคืองบ้าง หากมีการอักเสบหรือติดเชื้อจากปัจจัยภายนอก เช่น การสัมผัสด้วยมือที่ไม่สะอาดหรือโดนฝุ่นละอองบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดได้ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่าอาการเจ็บปวดไม่ได้บ่งบอกถึงการเป็นเนื้อร้าย
สิ่งสำคัญที่ควรสังเกตและเป็นสัญญาณเตือนที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติหรืออันตรายของซีสต์ที่ดวงตา ได้แก่
- การเปลี่ยนสี : ซีสต์มีสีเปลี่ยนไป เช่น กลายเป็นสีดำหรือสีแดง
- การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว : ซีสต์มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและรวดเร็ว
- อาการร่วมอื่น ๆ: ซีสต์ไปดึงรั้งเปลือกตาให้ม้วนเข้าหรือม้วนออก
- การเกิดซ้ำ : ซีสต์เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ที่ตำแหน่งเดิมหลายครั้ง
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบไปปรึกษาจักษุแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของเนื้อร้ายบางชนิดที่บริเวณเยื่อบุตาหรือเปลือกตา
แนวทางการป้องกันซีสต์ที่ดวงตา
การดูแลสุขอนามัยของดวงตาเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเกิดซีสต์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำวิธีการป้องกัน ดังนี้
- รักษาความสะอาดรอบดวงตา : หมั่นทำความสะอาดบริเวณรอบเปลือกตาและดวงตาอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงฝุ่นละออง : พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นละอองมาก
- ไม่ขยี้ตาด้วยมือที่ไม่สะอาด : สิ่งนี้สำคัญที่สุด เพราะการใช้มือที่ไม่สะอาดขยี้ตาบ่อย ๆ อาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ดวงตาและทำให้ต่อมต่าง ๆ เกิดการอุดตัน ซึ่งนำไปสู่การเกิดซีสต์หรือตากุ้งยิงได้ รวมถึงซีสต์ที่เยื่อบุตาด้านในด้วย
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์: คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับผู้ที่มีปัญหาซีสต์ที่ดวงตา ไม่ว่าจะเป็นที่เปลือกตาหรือเยื่อบุตาขาว หากซีสต์นั้นไม่ได้ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรือปัญหาใด ๆ ในชีวิตประจำวัน ก็อาจสามารถเฝ้าสังเกตอาการไปก่อนได้ อย่างไรก็ตาม หากอาการยังคงอยู่เป็นระยะเวลานานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน หรือหากซีสต์มีลักษณะตามสัญญาณเตือนที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบไปพบจักษุแพทย์
จักษุแพทย์จะสามารถวินิจฉัยและระบุชนิดของซีสต์ได้อย่างถูกต้อง พร้อมทั้งให้การรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้ซีสต์หายขาด และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อความปลอดภัยของดวงตาและสุขภาพการมองเห็นของคุณในระยะยาว
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์
ตรวจสอบบทความโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส
ติดตามชมรายการชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ซีสต์ที่ดวงตา
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter