MEA ครบรอบ 67 ปี “จากแสงแรก สู่แสงแห่งความยั่งยืน”

กรุงเทพฯ 1 ส.ค. – MEA ครบรอบ 67 ปี “จากแสงแรก สู่แสงแห่งความยั่งยืน” (67th SPARK The Sustainable Power) ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนา MEA หรือ การไฟฟ้านครหลวง ครบรอบ 67 ปี ในวันที่ 1 สิงหาคม 2568


นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA เปิดเผยถึงการเดินทางแห่งพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ภายใต้ธีม “จากแสงแรก สู่แสงแห่งความยั่งยืน – 67th SPARK The Sustainable Power” ณ อาคารวัฒนวิภาส MEA สำนักงานใหญ่ พร้อมเตรียมเปิด MEA SPARK หรือพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย แหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของแสงไฟดวงแรกแห่งสยาม สู่อนาคตพลังงานอัจฉริยะ ที่สะท้อนบทบาท MEA ในฐานะองค์กรรัฐวิสาหกิจภายใต้กระทรวงมหาดไทย ที่เป็นผู้นำด้านระบบจำหน่ายไฟฟ้า พร้อมมุ่งหน้าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อตอบสนองนโยบายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับศูนย์ หรือ Carbon Neutrality ของ MEA ในการจัดงานต้อนรับผู้มาแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนา MEA ครบรอบ 67 ปี MEA จึงได้เลือกใช้วัสดุที่ไม่สร้างขยะ และมีการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยกับปริมาณทั้งหมดที่ปล่อยออกจากกิจกรรมที่เกิดขึ้น โดยได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เรียบร้อยแล้ว

ภายในงานมีผู้บริหารจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ร่วมแสดงความยินดี พร้อมร่วมบริจาคเงินให้กับ มูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 380,035 บาท มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 237,300 บาท และมูลนิธิอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 325,000 บาท เพื่อสนับสนุนกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมต่อไป


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา MEA ได้มีบทบาทในการบุกเบิกอนาคต และถือเป็นความภาคภูมิใจขององค์กร อาทิ การกำเนิดไฟฟ้าครั้งแรกแห่งสยาม จุดเริ่มต้นของแสงไฟในพระนครเมื่อ 140 ปีก่อน เล่าเรื่องการส่องสว่างของโคมระย้าที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งถือเป็นการจุดประกายไฟฟ้าครั้งแรกของไทย โดยจะถูกถ่ายทอดผ่าน MEA SPARK หรือพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย ณ อาคาร 1 การไฟฟ้านครหลวง เขตวัดเลียบ ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าวัดเลียบ (โรงไฟฟ้าแห่งแรกของประเทศไทย) อาคารนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 และมีอายุกว่า 100 ปี จะเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้พลังงานไฟฟ้า จุดประกายไอเดียสร้างสรรค์ให้กับทุกคน รวมถึงรถรางไฟฟ้าไทย ซึ่งเคยให้บริการในพระนครเมื่อกว่าศตวรรษก่อน นับเป็นระบบขนส่งสาธารณะพลังงานไฟฟ้าแห่งแรกในเอเชีย รถรางนี้จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งในฐานะนิทรรศการถาวรภายใน MEA SPARK เพื่อเชื่อมโยงเรื่องราวพลังงานกับวิถีชีวิตเมืองในอดีตและอนาคต ภายใต้มาตรฐานสากล และเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของประเทศไทย

เสียงแรกแห่งการบริการ “MEA Call Center 1130” MEA เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งแรกในกระทรวงมหาดไทยที่ริเริ่มจัดตั้ง Call Center 1130 ตั้งแต่ปี 2543 และพัฒนาต่อเนื่องผ่าน LINE Official Account “MEA Connect” เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสอบถาม บริการ และรับแจ้งเหตุไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังเป็นรัฐวิสาหกิจด้านสาธารณูปโภคแห่งแรกของประเทศไทย ที่มีแอปพลิเคชัน MEA Smart Life รองรับหลากหลายบริการ อีกทั้งบริการออนไลน์ด้านระบบไฟฟ้าครบวงจรอย่าง MEA e-Service นอกจากนี้ ยังนำเทคโนโลยี GIS (Geographic Information System) ของ MEA ที่มีความละเอียดสูงที่สุดในประเทศไทย ด้วยมาตราส่วน 1 : 1000 มารวมกับแอป MEA Smart Life ให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้องได้แบบ Real-time พร้อมระบบ FFM (Field Force Management) ที่เชื่อมโยงถึงเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีการใช้ระบบ CMMS บริหารงานบำรุงรักษา เพิ่มความแม่นยำในการดูแลระบบจำหน่ายไฟฟ้าของเมือง อีกทั้งในปี 2568 MEA จะเริ่มให้บริการวิเคราะห์พื้นที่ติดตั้ง Solar Rooftop กับแผนที่ GIS ในรูปแบบจำลอง 3 มิติเสมือนจริง ในพื้นที่โครงการ Smart Metro Grid ให้ครอบคลุมพื้นที่ 3,200 ตารางกิโลเมตร ในพื้นที่ดูแลของการไฟฟ้านครหลวง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ

อีกทั้ง MEA เป็นองค์กรรัฐแห่งแรกที่นำยานยนต์ไฟฟ้า (EV) มาใช้ในภารกิจภายใน และยังผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน EV อย่างต่อเนื่องผ่านโครงการ MEA EV Ecosystem การพัฒนาแอปพลิเคชัน MEA EV การคิดค้นนวัตกรรม PLUG ME EV ที่ต่อยอดรูปแบบการติดตั้งสถานีอัดประจุภายในอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม หรืออาคารอื่น ๆ ที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ติดตั้งและด้านระบบไฟฟ้า พร้อมจัดทำมาตรฐาน “Charge Sure by MEA” ที่ช่วยยกระดับความปลอดภัยและความมั่นใจให้ผู้ใช้ EV


ผู้ว่าการ MEA กล่าวต่อว่า MEA ได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างอุโมงค์สายส่งไฟฟ้าใต้ดินตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 โดยภายในมีสายส่งไฟฟ้าใต้ดินขนาดแรงดัน 230 kV ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.60 เมตร ลึก 40 เมตร ยาว 1,300 เมตร ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในบรรดาอุโมงค์สายส่งไฟฟ้าใต้ดิน ที่เพียบพร้อมด้วยระบบป้องกันอุทกภัยอย่างระบบระบายน้ำ (Drainage Pump System) และยังก่อสร้างทางลงอุโมงค์ในระยะพ้นน้ำ (Freeboard) รวมถึงติดตั้งระบบแจ้งเตือนอัคคีภัย และระบบระบายอากาศเพื่อป้องกันเหตุเพลิงไหม้ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับระบบจำหน่ายไฟฟ้า พร้อมนำเสาไฟฟ้าที่ถูกรื้อถอน ไปจัดตั้งเป็นแนวป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลตามโครงการ “MEA’s Model” ร่วมกับฐานทัพเรือกรุงเทพ โดยครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งบางขุนเทียนและป้อมพระจุลจอมเกล้า รวมระยะทางกว่า 4.7 กิโลเมตร ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา

การดำเนินงานตลอด 67 ปีที่ผ่านมา MEA ยึดมั่นในหลัก ESG (Environment, Social, Governance) โดยไม่เพียงแต่ส่งมอบพลังงานไฟฟ้าอย่างมีเสถียรภาพ แต่ยังขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรมพลังงานอัจฉริยะ พร้อมยกระดับงานบริการดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพื่อความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนของประชาชนไทย และ MEA จะเดินหน้าตามเป้าหมาย Carbon Neutrality ปี 2593 เพื่ออนาคตพลังงานของประเทศไทยที่สะอาด เป็นธรรม และยั่งยืน. -517-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เปิดข้อเสนอสุดท้าย ทีมไทยแลนด์ ต่อรอง “ทรัมป์”

1 ส.ค. – เปิด 10 ข้อเสนอของทีมไทยแลนด์ ที่นำไปต่อรองกับสหรัฐ จนนำไปสู่การปิดดีลภาษีนำเข้าในอัตรา 19% จากที่ก่อนหน้านี้ถูกขู่ว่าจะเก็บสูงถึง 36% นอกจากตัวเลขภาษีนำเข้า สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนต้องการรู้ นั่นก็คือข้อเสนอของทีมไทยแลนด์ ที่นำไปต่อรองกับสหรัฐ จนนำไปสู่การปิดดีลที่ 19% โดยสิ่งที่ไทยยอมแลก 10 ข้อหลักมีดังนี้ เรียกว่า ไทยยอมแลกหลายมิติ ทั้งเปิดตลาดให้สหรัฐ มากขึ้น ยกเว้นภาษีเกือบหมด, เพิ่มการนำเข้า, และร่วมมือด้านความมั่นคง แลกกับการที่ “ภาษีตอบแทน” ที่สหรัฐจะเก็บจากไทย ลดลงจาก 36% เหลือ 19%.-สำนักข่าวไทย

เคลียร์ BM21 หมู่บ้านกระสุนตก 5 ลูก อ.น้ำยืน อุบลฯ

อุบลราชานี 1 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ทำลายหัวกระสุน BM21 ที่ทหารกัมพูชายิงเข้ามาตกในหมู่บ้านชายแดน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทั้งหมด 5 ลูก มีทั้งที่ยังไม่ระเบิด และทำงานไม่สมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดทำลายหัวกระสุน BM21 ที่ทหารกัมพูชายิงเข้ามาตกในหมู่บ้านชายแดน ในอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ซึ่งจากการสำรวจพื้นที่ ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ใน 8 หมู่บ้าน 24 จุด พบกระสุน BM21 ทั้งหมด 5 ลูก มีทั้งที่ยังไม่ระเบิด และพร้อมทำงาน โดยในช่วงเช้าทำลาย 3 จุด จุดแรกอยู่บริเวณริมถนนสายน้ำยืน นาจะหลวย เจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนทั้ง 2 ฝั่ง ก่อนขุดดินด้านบนแล้วหย่อนระเบิด C4 ลงไปในหลุมที่หัวกระสุน BM21 ตกแต่ไม่ระเบิด จากนั้นจึงจุดชนวนทำลายระเบิด ใช้เวลาเพียง 20 นาที หัวกระสุนถูกทำลายโดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จุดที่ […]

ทูตทหาร 23 ประเทศ ลงพื้นที่จุดกัมพูชายิงถล่ม

ศรีสะเกษ 1 ส.ค. – วันนี้คณะทูตานุทูตและทูตทหาร รวม 23 ประเทศ ลงพื้นที่สังเกตการณ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในพื้นที่ถูกกัมพูชาโจมตี และศูนย์พักพิง การลงพื้นที่ในวันนี้ทางประเทศไทยต้องการให้คณะทูตทั้ง 23 ประเทศได้เห็นข้อเท็จจริงและนำไปเผยแพร่ให้ประชาคมโลกได้รับรู้ จุดแรกคือปั๊ม ปตท.บ้านผือ ที่ถูกกัมพูชายิงจรวด BM21 โดยนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ บรรยายสรุปให้คณะได้รับฟังถึงเหตุการณ์วันแรกที่เกิดขึ้นและเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีญาติผู้สูญเสียนำรูปผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว บอกเล่าเหตุการณ์ความสูญเสียจากที่เกิดขึ้นต่อคณะทูตานุทูตผ่านล่าม พร้อมเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตที่ผู้บริสุทธิ์ ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย จากนั้นคณะทูตทหาร เดินทางลงพื้นที่ ต่อไปยังจุดกระสุนตกใส่พลเรือน ที่อาคารโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลชำเม็ง อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ส่งผลทำให้อาคาร รพ.สต. เสียหาย ที่นี่ ยังมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก มีเด็กเล็กอยู่ประจำกว่า 30 คน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากทางจังหวัดได้ประกาศให้ชาวบ้านอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยหรือศูนย์พักพิงชั่วคราว ตั้งแต่ 24 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่ทางทหารกัมพูชาเปิดฉากยิง โดยนางเข็มจิรา จันทร์ทอง ผอ.รพ.สต.บ้านชำเม็ง บอกว่าถ้าวันนั้น หากยังไม่มีการอพยพ […]

ชาวบ้านผวาโดรนปริศนา บินว่อนพื้นที่บุรีรัมย์

บุรีรัมย์ 1 ส.ค. – ชาวบ้านหลายอำเภอในจังหวัดบุรีรัมย์ ผวาพบโดรนปริศนาบินว่อนหลายพื้นที่ เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบ หวั่นเป็นของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาบินสอดแนม ชาวบ้านหลายพื้นที่ของจังหวัดบุรีรัมย์ต่างหวาดผวา หลังยังพบโดรนปริศนาจำนวนหลายลำบินว่อนในหลายอำเภอ เช่น อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ละหานทราย อ.ประโคนชัย และ อ.บ้านกรวด แต่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ถึงที่มาที่ไปของโดรนว่ามาจากไหน เพื่อจะได้ดำเนินการตามขั้นตอน หากเป็นของคนไทยก็จะนำตัวมาสอบถาม จุดประสงค์ในการบิน และอาจถูกดำเนินคดี เนื่องจาก ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ได้ออกประกาศห้ามอากาศไร้คนขับหรือโดรนบิน ในช่วงนี้เด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย แต่หากเป็นโดรนฝ่ายกัมพูชาที่ลักลอบบินเข้ามาสอดแนมหรือจับพิกัดเป้าหมายสำคัญในไทย เจ้าหน้าที่จะเร่งหามาตรการป้องกันสกัดกั้น เพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงของชาติ สำหรับภาพรวมสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย หลังเจรจาหยุดยิง ขณะนี้ยังไม่พบการปะทะกันขึ้น แต่โรงเรียนในพื้นที่แนวชายแดนทั้ง อ.บ้านกรวด และ อ.ละหานทราย รวม 85 แห่ง ยังคงปิดทำการเรียนการสอนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่จังหวัดยังไม่มีประกาศให้ชาวบ้านกลับเข้าบ้านพักได้ เพราะสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ ประกอบกับต้องเคลียร์พื้นที่ก่อนเพราะมีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่มากกว่า 240 ลูก.-สำนักข่าวไทย