1 ส.ค. – สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดงาน “วันสตรีไทย ประจำปี 2568”


วันนี้ (1 สิงหาคม 2568) เวลา 16.17 น. สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ในงานวันสตรีไทย ประจำปี 2568 ซึ่งสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และภาคีเครือข่าย ร่วมจัดขึ้น ภายใต้แนวคิด “สตรีไทยพร้อมใจ สืบสาน รักษา ต่อยอดพระราชปณิธานอย่างยั่งยืน” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 73 พรรษา, เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมพรรษา 93 พรรษา, เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเจริญพระชนมพรรษา 47 พรรษา และเพื่อส่งเสริมบทบาทของสตรีไทยให้พร้อมใจกัน สืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานอย่างยั่งยืน เป็นพลังในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติสืบไป




ในการนี้ พระราชทานเข็มที่ระลึกแก่ผู้ที่ทำคุณประโยชน์ จำนวน 96 คน และพระราชทานเข็มเชิดชูเกียรติแก่สตรีไทยดีเด่น ประจำปี 2568 จำนวน 154 คน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้วันที่ 1 สิงหาคม ของทุกปี เป็นวันสตรีไทย ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา ในทุกปี สภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ จึงได้คัดเลือกสตรีดีเด่นที่มีความพร้อมตามคุณสมบัติที่คณะกรรมการกำหนดเข้ารับรางวัลสตรีไทยดีเด่น เพื่อเชิดชูเกียรติสตรีไทย

จากนั้น ทรงจุดเทียนเปิดงาน “วันสตรีไทย ประจำปี 2568” ประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ กล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณ

โอกาสนี้ พระราชทานพระราชดำรัส เปิดงานวันสตรีไทย ประจำปี 2568 ความว่า “สตรีไทย มีบทบาทสำคัญในทุกระดับของสังคม ทั้งในฐานะหลักแห่งครอบครัว ซึ่งเป็นรากฐานของประเทศชาติ และในฐานะผู้ร่วมขับเคลื่อนสังคมในหลากหลายด้าน ตลอดปีที่ผ่านมา สตรีไทยหลายท่านได้สร้างผลงานที่น่าภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นการเป็นผู้นำทีมวิจัยทางการแพทย์ ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ การคว้ารางวัลจากเวทีนางงามระดับโลก หรือความสำเร็จของนักกีฬาสตรี ที่สร้างชื่อเสียงในเวทีสากล เหล่านี้ล้วนสะท้อนศักยภาพและความเข้มแข็งของสตรีไทยในยุคปัจจุบัน





โลกในปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสารมีบทบาทอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน การรู้เท่าทันสื่อ รู้กฎหมาย และใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ จึงเป็นทักษะสำคัญที่สตรีไทยควรเรียนรู้ เพื่อพัฒนาตน พัฒนาครอบครัว และร่วมสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ การส่งเสริมบทบาทและสถานภาพของสตรีไทยอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และชุมชน สตรีไทยทุกคนควรเริ่มต้นจากการพัฒนาตนเอง ด้วยความเพียรพยายาม เสียสละ และมีจิตสำนึกในหน้าที่ ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม เพื่อเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติ”

ต่อจากนั้น ทอดพระเนตรนิทรรศการของสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ นิทรรศการเครือข่ายสตรีไทย 4 ภาค อาทิ ภาคกลาง นำเสนอนวัตกรรมรักษ์โลก การคัดแยกและจัดการขยะในชุมชน เพื่อพัฒนาเป็นของใช้ในครัวเรือน, ภาคเหนือ นำเสนอการยกระดับสินค้าชุมชนให้มีความทันสมัย โดยนำผ้าทอพื้นเมืองและผ้าปักของกลุ่มชาติพันธุ์มาผสมผสานกับเทรนด์แฟชั่น





ภายในงาน มีนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในฉลองพระองค์ชุดไทยแบบต่างๆ, นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆ รวมถึงพระราชกรณียกิจเคียงคู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, งานหัตถศิลป์ ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อาทิ งานไม้แกะสลัก, การจัดแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ ที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวเข้าไปสนับสนุน และนิทรรศการการเสริมพลังสตรีและส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ


เวลาต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ทรงเปิดงาน “โครงการหลวง 56” ซึ่งมูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “น้ำพระราชหฤทัย จากฟ้าสู่มหานคร” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์นายกกิตติมศักดิ์ มูลนิธิโครงการหลวง สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 รวมทั้งเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงก่อตั้งมูลนิธิโครงการหลวง และเผยแพร่ผลการดำเนินงานและผลสำเร็จของมูลนิธิโครงการหลวง ตลอดระยะเวลา 55 ปี

ในการนี้ ทอดพระเนตรการแสดง “ท่วงทำนองแห่งพระมหากรุณาธิคุณ” แล้วทอดพระเนตรวีดิทัศน์ ชุด “The Royal Project Farm to City : น้ำพระราชหฤทัย จากฟ้าสู่มหานคร”

แล้วทรงเปิดงาน “โครงการหลวง 56” และทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ชุด “น้ำพระราชหฤทัย จากฟ้าสู่มหานคร” ประกอบด้วย นิทรรศการ “ธ สืบสานงานพ่อ จากภูผาสู่มหานคร” จัดแสดงจุดเริ่มต้นโครงการหลวง ในปี 2512 โดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และการสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านโครงการหลวงที่เริ่มต้นจากดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตบนพื้นที่สูง ลดการปลูกฝิ่น และฟื้นฟูผืนป่า แนวพระราชดำริดังกล่าวขยายผลสู่ภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ว่าเป็นต้นแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังทรงสืบสาน รักษา ต่อยอดงานของโครงการหลวง ก่อเกิดศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ, ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง ชนกาธิเบศรดำริ, สถาบันการเรียนรู้ และสถานีวิจัยการเกษตรและพัฒนาโครงการหลวงโนนดินแดง


นิทรรศการ “เอเดลไวส์…ดอกไม้แห่งพระเมตตา นำพาสู่งานวิจัย” ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พระราชทานต้นเอเดลไวส์แก่มูลนิธิโครงการหลวง เมื่อปี 2562 เพื่อนำไปศึกษาวิจัย ขยายพันธุ์ ทดลองปลูกที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ปัจจุบันขยายพันธุ์และปลูกได้สำเร็จ ออกดอกตลอดปี เกิดเป็น “นวัตวิจัย” ต่อยอดสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างอาชีพแก่เกษตรกรบนพื้นที่สูง

และนิทรรศการ “ศิลปาชีพพื้นที่สูง สืบสานใต้ร่มพระบารมี” แสดงพระราชดำรัสและเหตุการณ์สำคัญของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในงานผ้าทอ ภูมิปัญญาชนเผ่าพื้นถิ่นบนดอยสูง ที่ได้รับการส่งเสริม อนุรักษ์ และพัฒนาต่อยอดอย่างยั่งยืน

ทอดพระเนตร ร้านจำหน่ายสินค้าในพระราชดำริ อาทิ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานคำแนะนำในการพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัย ใช้สีย้อมจากธรรมชาติ เช่น ผ้าไหมพิมพ์ลายพระราชทาน ปี 2568 “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” งานเซรามิก และงานจักสาน / เสื้อคอกลม “พึ่งพา” ของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ที่ผลิตจากเส้นใยขวดพลาสติกผสมผ้าฝ้าย / กาแฟพันธุ์โรบัสต้า ผลผลิตชุมชนบ้านสาละวะและบ้านไล่โว่ จังหวัดกาญจนบุรี ในโครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ร่วมกับ มูลนิธิภูบดินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สร้างรายได้ให้กับชุมชน / ผลิตภัณฑ์ภาพวาดฝีพระหัตถ์และสินค้าชุมชน จากร้านภูฟ้า / ผลิตภัณฑ์อาหารของบริษัท ดอยคำ จำกัด / มูลนิธิราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผู้ต้องขัง

โอกาสนี้ ทอดพระเนตรนิทรรศการ “กาแฟโครงการหลวง ต้นน้ำแห่งความยั่งยืน” ทอดพระเนตรต้นกาแฟในพื้นที่โครงการหลวง ก่อเกิดแรงบันดาลใจในการศึกษาวิจัย และพัฒนากาแฟโครงการหลวง จนนำมาสู่ผลสำเร็จของการส่งเสริมกาแฟอะราบิกาในพื้นที่โครงการหลวงและทั่วพื้นที่ภาคเหนือ การจำหน่ายสินค้าของมูลนิธิโครงการหลวง กว่า 3 พันรายการ รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทำอาหาร การแสดงดนตรี และเสวนา ซึ่งงานโครงการหลวง 56 จะจัดจนถึงวันที่ 12 สิงหาคมนี้.-211-สำนักข่าวไทย

