ทำเนียบ 21 ก.ค.-เตือนประชาชนใช้เครื่องขูดหินปูน Ultrasonic ด้วยตนเองที่บ้านอันตราย เสี่ยงติดเชื้อ แนะใช้สิทธิบัตรทองขูดหินปูนที่คลินิกทันตกรรมที่เข้าร่วมโครงการ “30 บาทรักษาทุกที่” หรือที่หน่วยบริการประจำตามสิทธิ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าปัจจุบันนี้โซเชียล มีเดีย หรือ สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการวางจำหน่ายเครื่องมือขูดหินปูน Ultrasonic ซึ่งเป็นทางเลือกที่สะดวกและประหยัด แต่ความจริงแล้วการขูดหินปูนไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีใดก็ตาม เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้หากอุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ โดยการขูดหินปูนจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทางที่ผ่านการฆ่าเชื้อตามมาตรฐานทางการแพทย์ เพื่อให้การขจัดหินปูนเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
นายอนกูล กล่าวว่า เครื่องขูดหินปูน Ultrasonic เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้หลักการสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่สูงและน้ำในการกำจัดคราบหินปูนที่สะสมอยู่บนผิวฟันและใต้เหงือก การใช้งานเครื่องมือชนิดนี้อย่างถูกต้องเหมาะสมนั้น ต้องกระทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากต้องอาศัยการฝึกฝนทักษะการมองเห็น และความเข้าใจกายวิภาคของช่องปาก เพื่อให้สามารถขจัดหินปูนได้อย่างหมดจดโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างฟัน เหงือก และเนื้อเยื่อในช่องปาก ซึ่งการใช้เครื่องขูดหินปูน Ultrasonic ด้วยตัวเองที่บ้านนั้น ไม่ปลอดภัย เนื่องจากมีความเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น จากการใช้เครื่องขูดหินปูน Ultrasonic ด้วยตนเอง ดังนี้
1.การทำลายผิวเคลือบฟัน มุมการวางหัวขูดที่ไม่เหมาะสม การใช้แรงกดที่มากเกินไป การจิกของหัวขูดหรือการขูดซ้ำๆ อาจทำให้ผิวเคลือบฟันซึ่งเป็นชั้นนอกสุดที่ปกป้องฟันถูกทำลาย เกิดภาวะเสียวฟันและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุในอนาคต
2.การบาดเจ็บต่อเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก: การสอดหัวขูดเข้าไปใต้ขอบเหงือกอย่างไม่ถูกต้องเนื่องจากการมองเห็นที่ชัดเจนและมุมของเครื่องมือที่ไม่เหมาะสม นำไปสู่การฉีกขาด บาดเจ็บ ของเหงือกได้
3.โรคปริทันต์อักเสบลุกลามจากการหลงเหลือหินปูนใต้เหงือก เครื่องขูดหินปูน Ultrasonic สำหรับใช้เองมักมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพและไม่สามารถเข้าถึงบริเวณใต้เหงือกได้อย่างสมบูรณ์ การขจัดหินปูนที่ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะบริเวณใต้เหงือก จะส่งผลให้หินปูนยังคงสะสมตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคปริทันต์อักเสบ ที่อาจลุกลามทำลายกระดูกรองรับฟัน นำไปสู่การสูญเสียฟันได้ หากไม่ได้ รับการรักษาที่เหมาะสมจากทันตแพทย์
และ 4.ความเสี่ยงในการติดเชื้อ เครื่องมือที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อตามมาตรฐานทางการแพทย์ (Sterilization) จะกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ซึ่งเมื่อนำมาใช้ในช่องปาก อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงได้
“เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากและขูดหินปูนกับทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อมั่นใจได้ว่าการขจัดหินปูนที่เป็นสาเหตุของโรคปริทันต์นั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย รวมทั้งผู้ป่วยควรได้รับการตรวจวินิจฉัยปัญหาอื่นๆ ในช่องปาก เช่น ฟันผุ รากฟันอักเสบ หรือรอยโรคก่อนเป็นมะเร็งในช่องปากอย่างเหมาะสมด้วย” นายอนุกูล กล่าว
ทั้งนี้สอบถามเพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาพช่องปาก ได้ที่ Facebook : สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ และ LineOA : @iodforfun สำหรับประชาชนสิทธิบัตรทอง สามารถขูดหินปูนที่คลินิกทันตกรรมที่เข้าร่วมโครงการ “30 บาทรักษาทุกที่” หรือที่หน่วยบริการประจำตามสิทธิ ได้ปีละ 3 ครั้ง ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่ถูกเรียกเก็บเงินเพิ่ม.-314.-สำนักข่าวไทย