กสทช. 3 ก.ค. – สำนักงาน กสทช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงผลการจับกุมวิทยุสื่อสารและอุปกรณ์สื่อสารปลอมกว่า 32,000 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 50 ล้านบาท พร้อมเตือนประชาชนระวังสินค้าปลอมที่ขายในราคาถูก
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. พร้อมด้วยผู้แทนจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 9, กรมศุลกากร, กรมสรรพสามิต และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมแถลงผลการจับกุมสินค้าปลอมแปลงครั้งใหญ่ โดยเข้าตรวจค้นบ้านพักย่านพระราม 2 และสามารถจับกุมแหล่งขายวิทยุสื่อสารปลอมได้ประมาณ 20,000 เครื่อง มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท พร้อมผู้ต้องหา 1 ราย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมแหล่งจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตปลอมได้อีกประมาณ 12,000 เครื่อง มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท รวมมูลค่าของกลางทั้งหมดกว่า 50 ล้านบาท
นายไตรรัตน์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากมีประชาชนนำวิทยุสื่อสารมาจดทะเบียนกับ กสทช. แต่ไม่สามารถจดทะเบียนได้ จึงตรวจสอบพบว่าเป็นเครื่องมือสื่อสารปลอม และได้ขยายผลจนทราบว่ามีการนำอุปกรณ์สื่อสารดังกล่าวมาจำหน่ายในแพลตฟอร์มออนไลน์ในราคาที่ถูกผิดปกติ จากการตรวจสอบสินค้าที่ยึดได้พบว่าสินค้าทั้งหมดนำเข้ามาจากประเทศจีน โดยมีการปลอมแปลงใบการค้า เอกสารราชการ ตราครุฑ และใบนำเข้า
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การว่ารับซื้อวิทยุสื่อสารมาจากบริษัทอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย โดยมีเอกสารรับส่งสินค้าเป็นหลักฐาน ซึ่งหลังจากนี้ กรมศุลกากรจะดำเนินการตรวจสอบบริษัทดังกล่าว และขยายผลดำเนินคดีกับบริษัทต้นทางที่นำเข้าจากประเทศจีน หากพบว่าบริษัทต้นทางไม่มีหลักฐานการผ่านพิธีการศุลกากร ทั้งบริษัทต้นทางและบริษัทที่ถูกจับกุมในวันนี้ อาจมีความผิดฐานรับซื้อ รับไว้ ซึ่งของที่ลักลอบ หลีกเลี่ยง หรือไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ซึ่งมีโทษตามมาตรา 246 คือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ 4 เท่าของราคาสินค้ารวมค่าอากร หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ กสทช. และ สคบ.ได้ฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอย่าหลงเชื่อสินค้าที่ราคาถูกเกินจริง โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือหรือเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดที่มีราคาสูง หากพบว่าวิทยุสื่อสารมีการจำหน่ายในราคาต่ำกว่า 10,000 บาท ให้สันนิษฐานว่าเป็นของปลอม ส่วนโทรศัพท์มือถือที่ขายในแพลตฟอร์มออนไลน์ ในราคาต่ำกว่า 1,000 บาท ส่วนใหญ่จะเป็นของปลอม หรือของตกรุ่นที่ไม่สามารถรับสัญญาณ 5G ได้.-414-สำนักข่าวไทย