กรุงเทพฯ 25 มิ.ย.-กระทรวงคมนาคม-สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย จับมือเดินหน้าแก้ไขปัญหาการจราจรท่าเรือแหลมฉบังอย่างเป็นรูปธรรม
นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมร่วมกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 เพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) โดยมีนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยและดร.ทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยเข้าร่วมประชุมด้วย
นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ปัญหาการจราจรติดขัดภายในเขตท่าเรือแหลมฉบังได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาคการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ของประเทศ โดยเฉพาะรถบรรทุกที่เข้าไปส่งและรับตู้สินค้า ต้องใช้เวลารอคอยเฉลี่ย 10 – 20 ชั่วโมงต่อเที่ยวงาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงเกินความจำเป็นและไม่สอดคล้องกับต้นทุนการดำเนินงาน นอกจากนี้ ยังพบว่าพนักงานขับรถหลายรายต้องทำงานเกินระยะเวลาที่กฎหมายแรงงานกำหนด ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัย ซึ่งเป็นปัญหาที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและเป็นระบบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระยะสั้น และวางรากฐานการบริหารจัดการในระยะยาว จึงได้กำหนดแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้
1.)การจัดระเบียบพื้นที่และบริหารการจราจร จัดสรรลานจอดรถบรรทุกที่รอเข้าท่าเทียบเรือ 70 ไร่ และ 22 ไร่ เพื่อลดการจอดซ้อนหรือไหลล้นสู่ถนนสาธารณะ และเพิ่มห้องสุขาเคลื่อนที่เฝ 12 จุด เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ขับขี่รถบรรทุกสินค้า
2.)ประสานกรมศุลกากรเพื่อขออนุญาตนำตู้สินค้าขาเข้าไปพักนอกเขตท่าเรือเป็นการชั่วคราว เพื่อลดความแออัดภายในพื้นที่ท่าเทียบเรือ และวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
3.)นำระบบ Truck Queue มาใช้แบบครบวงจร 100% เพื่อจัดลำดับการเข้า – ออกของรถบรรทุก เพื่อบริหารจัดการคิวรถบรรทุกทุกคันอย่างเป็นธรรม และลดความแออัดบริเวณหน้าทางเข้า รวมถึง จัดเตรียมพื้นที่นอกเขตรั้วศุลกากรสำหรับรองรับรถบรรทุกสินค้าที่รอเข้าคิว และพัฒนาแอปพลิเคชั่น (Dash board) บนโทรศัพท์มือถือ ติดตั้งกล้อง CCTV และระบบตรวจสอบแบบเรียลไทม์เพื่อติดตาม สถานการณ์จราจร
4.)พัฒนาระบบเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่างท่าเรือ สายการเดินเรือ ผู้ประกอบการขนส่ง และผู้ใช้บริการให้ทำงานบนฐานข้อมูลกลาง เพื่อให้กระบวนการเคลียร์สินค้าและตู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
5.)มาตรการระยะกลางและระยะยาว ส่งเสริมการจองคิวล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ เพื่อ กระจายปริมาณรถตามรอบเวลา และศึกษาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น แนวคิดการก่อสร้าง สะพานข้ามทางรถไฟหรืออุโมงค์ พัฒนาระบบ Smart Port เพื่อให้ท่าเรือสามารถบริหารจัดการทรัพยากรและการจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยระบบอัตโนมัติ
นายสรวุฒิ กล่าวทิ้งทายว่า กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแสดงความพร้อมในการร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการ ระยะกลาง และระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อคืนความเชื่อมั่นในระบบโลจิสติกส์ไทยและลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการ พนักงานขับรถบรรทุกในพื้นที่โดยเร็วที่สุด.-513.-สำนักข่าวไทย