17 มิถุนายน 2568
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ข้อมูลน่าสงสัย :
มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศเผยแพร่ในต่างประเทศ เมื่อ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐ พรรครีพับลิกัน เคยให้สัมภาษณ์ระหว่างหาเสียงเพื่อลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า Atrazine สารกำจัดวัชพืชที่ใช้อย่างแพร่หลายในสหรัฐฯ คือสาเหตุทำให้เยาวชนอเมริกัน โดยเฉพาะเพศชายมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศมากขึ้น เนื่องจากมีการทดลองกับกบพบว่า กบเพศผู้ที่สัมผัสสาร Atrazine กลายเป็นหมันและพัฒนาอวัยวะเพศของตัวเมีย ดังนั้น สาร Atrazine ที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำ เมื่อดื่มเข้าสู่ร่างกายจะส่งผลกระทบต่อความสมดุลของฮอร์โมน และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางเพศในที่สุด

บทสรุป :
1.การสัมผัสสาร Atrazine อย่างต่อเนื่องทำให้กบตัวผู้กลายเป็นตัวเมีย
2.มนุษย์สามารถขับสาร Atrazine ทางปัสสาวะ และจะไม่ก่อให้เกิดการข้ามเพศ
FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :
งานวิจัย Atrazine กับการเปลี่ยนเพศในกบ
โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ อ้างงานวิจัยปี 2010 จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์ ที่มีการนำกบเพศผู้ไปแช่ในถังน้ำที่มีสาร Atrazine ปรากฏว่า 75% กลายเป็นหมัน และมี 10% ที่พัฒนาอวัยวะเพศของตัวเมียและสามารถวางไข่ได้
ความแพร่หลายของการใช้ Atrazine
Atrazine คือสารกำจัดวัชพืชที่ใช้อย่างแพร่หลายในกิจกรรมทางการเกษตร ทั้งในสหรัฐฯ และประเทศไทย เริ่มอนุมัติสำหรับการใช้ในสหรัฐตั้งแต่ปี 1958
ภายใต้กฎหมายความปลอดภัยของน้ำดื่มสหรัฐฯ กำหนดให้ระดับการปนเปื้อนสาร Atrazine ในน้ำดื่มต้องไม่เกิน 0.0097 มิลลิกรัม/ลิตร หรือ 10 ส่วนต่อพันล้านส่วน
การสำรวจโดยสํานักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (EPA) เมื่อปี 2018 ไม่พบว่าปริมาณสาร Atrazine ในน้ำดื่มเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่แสดงความห่วงใยกับเด็กที่วิ่งเล่นในสนามหญ้าที่ใช้สารดังกล่าว รวมถึงเกษตรกรที่ทำงานเกี่ยวกับยากำจัดวัชพืชชนิดนี้
แต่กระนั้น ก็มีการโต้แย้งเรื่องความเหมาะสมของการอนุมัติการใช้สาร Atrazine เนื่องจากสหภาพยุโรป (EU) มีคำสั่งแบนการใช้สาร Atrazine เนื่องจากความกังวลเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพ
Atrazine กับผลเสียต่อสุขภาพ
มีงานวิจัยที่ศึกษาเกษตรกรที่ใช้สาร Atrazine พบว่าการสะสมในร่างกายนำไปสู่ปัญหาสุขภาพหลายอย่าง ทั้ง โรคไต โรคอ้วน ปัญหาระบบทางเดินหายใจ
เนื่องจากสาร Atrazine สามารถรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมความสมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย การสะสมสาร Atrazine ในร่างกายจึงนำไปสู่ปัญหาสุขภาวะการเจริญพันธุ์ ทั้งภาวะการมีบุตรยากหรือทารกน้ำหนักน้อยกว่าปกติ
แต่กระนั้น ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า สาร Atrazine ส่งผลต่อเพศวิถีหรือรสนิยมทางเพศในมนุษย์แต่อย่างใด
สารเคมีเปลี่ยนรสนิยมทางเพศในมนุษย์ไม่ได้
ดร.แอนเดรีย กอร์ ศาสตราจารย์ด้านเภสัชวิทยาและพิษวิทยา มหาวิทยาลัยเท็กซัส อธิบายว่า เพศของมนุษย์ถูกกำหนดมาตั้งแต่ช่วงเวลาแห่งการปฏิสนธิ การสัมผัสสารเคมีที่รบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเพศของมนุษย์ได้
ดร.ลินดา คาร์น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ชี้แจงว่า ผลกระทบของสาร Atrazine ต่อกบจะไม่เหมือนกับในมนุษย์ เพราะร่างกายมนุษย์จะเผาผลาญและขับสาร Atrazine ออกจากร่างกายภายในเวลา 12 ชั่วโมง
เจ้าของงานวิจัยย้ำกบกับคนเทียบกันไม่ได้
ไทโรน บี. เฮย์ส ศาสตราจารย์ภาควิชาชีววิทยาเชิงบูรณาการ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์ ผู้นำทีมวิจัยการทดลองใช้สาร Atrazine กับกบที่ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ กล่าวอ้าง
ไทโรน บี. เฮย์ส ยืนยันว่า แม้ผลกระทบของสาร Atrazine ต่อสัตว์และมนุษย์จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติม แต่ไม่มีหลักฐานว่าการสัมผัสสาร Atrazine จะทำให้มนุษย์เบี่ยงเบนพฤติกรรมทางเพศไปได้
เหตุผลหลักที่ผลการทดลองสาร Atrazine กับกบ ไม่สามารถนำมาอ้างอิงผลที่จะเกิดกับมนุษย์ได้ เพราะมนุษย์และกบมีกลไกในการรับสาร Atrazine เข้าสู่ร่างกายต่างกัน
โดยปกติ มนุษย์จะได้รับสาร Atrazine จากการปนเปื้อนในน้ำดื่ม ต่างจากกบซึ่งเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ผิวหนังจะปล่อยให้ของเหลวซึมผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าผิวหนังของมนุษย์ ทำให้กบในงานวิจัยได้รับสาร Atrazine เข้าสู่ร่างกายได้มากกว่า แม้จะใช้ปริมาณสาร Atrazine เพียงเล็กน้อยก็ตาม
นอกจากนี้ มนุษย์ยังสามารถกำจัดสาร Atrazine ผ่านทางปัสสาวะ ต่างจากกบในการทดลองที่อาศัยอยู่ในถังน้ำ จึงยังสัมผัสสาร Atrazine ที่อยู่ในปัสสาวะของตัวมันเอง ทำให้การสัมผัสสาร Atrazine เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ไทโรน บี. เฮย์ส ย้ำว่าในบรรดาสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ รวมถึงปลาและสัตว์เลื้อยคลาน จะมีความลื่นไหลทางเพศมากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่น กบเพศผู้ที่ถูกฉีดฮอร์โมนเพศหญิงอย่างเอสโทรเจนจะสามารถสร้างรังไข่ในตัวเองได้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะไม่เกิดกับมนุษย์
แม้การทดลองในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ เช่น หนู จะพบว่าการสัมผัสสาร Atrazine ส่งผลต่อการลดลงของฮอร์โมนเพศชายอย่างเทสโทสเตอโรน และความผิดปกติของอวัยวะเพศ
แม้ปัญหาการลดลงของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและการรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ จะส่งผลต่อสุขภาวะทางเพศของผู้ชาย ทั้งปริมาณอสุจิที่ลดลงหรือสมรรถภาพทางเพศลดลง แต่ผลกระทบดังกล่าวไม่ส่งผลต่อเพศวิถีหรือก่อให้เกิดภาวะความทุกข์ใจในเพศสภาพหรือ Gender Dysphoria ในมนุษย์อย่างแน่นอน
ระดับฮอร์โมนไม่ส่งผลต่อการข้ามเพศ
ดร.โจชัว เซฟเฟอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อ ผู้อำนวยการศูนย์การบำบัดและการผ่าตัดข้ามเพศ โรงพยาบาล Mount Sinai อธิบายว่า วงการวิทยาศาสตร์ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าอะไรคือปัจจัยทำให้เกิดการข้ามเพศในมนุษย์ แต่ชัดเจนว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยพบว่าระดับฮอร์โมนของคนข้ามเพศก่อนเข้ารับการบำบัด ไม่มีระดับที่แตกต่างจากคนทั่วไปแต่อย่างใด
ข้อมูลอ้างอิง :
https://www.politifact.com/factchecks/2023/jun/28/robert-f-kennedy-jr/no-evidence-atrazine-in-the-water-supply-is-causin/
https://edition.cnn.com/2023/07/13/politics/robert-kennedy-jr-chemicals-water-children-frogs
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter