เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 11 มี.ค.-“ทวี” ย้ำราชทัณฑ์ต้องเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดที่สื่อมวลชนและประชาชนสงสัย ชี้ บทสัมภาษณ์ ถือเป็นข้อสั่งการจากรัฐมนตรี บอก 17 มี.ค.นี้ คณะกรรมการตรวจสอบฯ กรณี “อดีตผู้กำกับโจ้” ต้องมีความคืบหน้า โวรัฐบาลนี้ทำทุกอย่างโปร่งใส รับเข้าใจผิดเองเรื่องนักโทษหญิง ความจริงเป็น LGBTQ
พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางเข้าร่วมสังเกตการณ์และศึกษาดูงานภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ของหัวหน้าพรรคประชาชน และ สส. โดยมาต้อนรับและดูแลในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
โดยพันตำรวจเอกทวี ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพื้นที่ด้านในเรือนจำพิเศษกรุงเทพถึงกรณีของ“อดีตผู้กำกับโจ้” ที่จะต้องมีการเตรียมคำตอบไปตอบในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น ว่า ไม่ต้องเตรียมเราเอาข้อเท็จจริงไปตอบ เพราะตัวเองก็อยากให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงและได้ข้อมูลจากพนักงานสอบสวน ทั้งในเรื่องการเสียชีวิตว่าเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายหรือถูกทำให้ตายหรือไม่ ส่วนตัวอยากให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว แต่ทั้งหมดก็ยังต้องรอผลการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนและผลทางนิติวิทยาศาสตร์ในการผ่าชันสูตรรอบ 2
สำหรับประเด็นของสาเหตุการเสียชีวิตเชื่อว่าต้องรับฟัง พยานต่างๆรอบด้านเราเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าซักถามในประเด็นที่สงสัย “ขอยืนยันว่าวันนี้ต้องทำความจริงให้ปรากฏ เป็นรัฐบาลโปร่งใส รัฐบาลตรวจสอบได้ และรัฐบาลที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องกลัวอะไร”
ส่วนที่วันนี้ครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้ไปยื่นกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ให้ตรวจสอบการเสียชีวิตภายในเรือนจำ พันตำรวจเอกทวี บอกว่า เป็นเรื่องที่ดีซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เร่งรัดให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจัดการประชุม ซึ่งในที่ประชุมนอกจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังมีฝ่ายปกครอง อัยการสูงสุด และตำรวจร่วมประชุมด้วย ซึ่งเราต้องการข้อมูลไปใช้ในการพิจารณา ตามพระราชบัญญัติอุ้มหายฯ เพราะมีเรื่องของสิทธิการได้รับการเยียวยา “ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่มีขึ้นมาจากกรณีของอดีตผู้กำกับโจ้คลุมถุงดำ เราจึงต้อง ใช้กฎหมายตัวนี้ให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย” พร้อมย้ำว่าคดีการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ภายในเรือนจำคลองเปรมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวง ต้อง ต้องร่วมกันทำไม่ว่าหน่วยงานใดทำสำนวนคดี
ส่วนจะมีการเปิดเผยกล้องวงจรปิดตัวเต็มได้เมื่อไหร่นั้น พันตำรวจเอกทวี ตอบว่า ทางตำรวจได้กล้องวงจรปิดไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ก็สามารถเปิดเผยต่อสื่อมวลชนได้ หากสื่อมวลชนมีความสงสัยในประเด็นใดให้ถามได้ทั้งหมด สำหรับเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกเสียใจกับครอบครัวที่สูญเสียและไม่อยากช่วยเหลือใครทั้งสิ้น แล้วต้องยอมรับว่าเหตุการณ์นี้ทั้งเจ้าหน้าที่ของเรือนจำและผู้ต้องขังต่างฝ่ายต่างอยู่กันลำบาก / พันตำรวจเอกทวีย้ำว่า “โดยหลักแล้วผู้คุมไม่คิดร้ายกับผู้ต้องราชทัณฑ์สักคน เพราะเขาต้องอยู่กันเป็นครอบครัว”
ส่วนจะมีมาตรการใดที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก พันตำรวจเอกทวี บอกว่า การเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติภายในเรือนจำนั้น การผูกคอตายถือว่ามากที่สุด ปีนี้ถือว่าน้อยกว่าปีที่ผ่านมา แต่การเสียชีวิตภายในเรือนจำน้อยกว่าการเสียชีวิตข้างนอกมาก
สำหรับความคืบหน้าในการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ พันตำรวจเอกทวี บอกว่า คาดหวังว่าในวันที่ 17 มีนาคมนี้จะได้รับรายงานความคืบหน้าและความชัดเจนเพิ่มขึ้น ส่วนจะมีเรื่องของการทำร้ายร่างกายผู้ต้องขังเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ขอให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวย้ำว่าหากพบว่ามีการทำร้ายผู้ต้องขังจริง ฝ่ายใดจะเป็นคนแจ้งความผิดตามมาตรา 157 พันตำรวจเอกทวี บอกว่า อย่าตั้งสมมุติฐานขอให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการ แต่ยืนยันจะไม่ช่วยเหลือใครทั้งนั้น
ส่วนครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้มีความประสงค์จะให้ย้ายผู้บัญชาการเรือนจำคลองเปรมนั้น พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ขอให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงก่อน ต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายแต่จะไม่ปกป้องใคร ซึ่งทุกข้อเท็จจริงจะต้องเป็นไปตามข้อมูลพยานหลักฐาน
ส่วนที่ครอบครัวอ้างว่าเคยยื่นหนังสือร้องเรียน ไปถึงเรือนจำถึง 4 ครั้ง แต่กลับถูกเพิกเฉย พันตำรวจเอกทวี ตอบว่า ขอให้รอการสอบสวน เพราะความทุกข์ของทุกคนต้องได้รับการดูแล เพราะถือเป็นจริยธรรมของข้าราชการ
ผู้สื่อข่าวย้ำถามว่าหากพบว่าไม่ใช่การฆ่าตัวตายใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ พันตำรวจเอกทวี บอกว่า ต้องเป็นผู้ที่ทำให้ตายต้องรับผิดชอบ
ส่วนประเด็นที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์คำสัมภาษณ์ของตนกรณีห้องขังที่ติดกับห้องของอดีตผู้กำกับโจ้เป็นผู้หญิงหรือ LGBTQ นั้น พันตำรวจเอกทวี ตอบว่า ตัวเองเข้าใจผิด ผู้ต้องขังรายนั้นเป็นผู้ชายที่แปลงเพศ ซึ่งในเรือนจำคลองเปรมมีผู้ต้องขังที่เป็น LGBTQ ถึง 88 คนแปลงเพศแล้ว 18 คน ซึ่งหลักปฏิบัติทั้งหมดเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน ส่วนเรื่องของเลือดประจำเดือนตัวเองก็เข้าใจผิดเช่น
สับสนส่วนเรื่องที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ออกมาคลาดเคลื่อนตั้งแต่วันแรก และสร้างความสับสนให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นนั้น พันตำรวจเอกทวี บอกว่า ข้อเท็จจริงทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับหลักฐานความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
ส่วนในเรื่องประเด็นและขนาดผ้าขนหนู พันตำรวจเอกทวี บอกว่า เป็นในส่วนของงบประมาณที่กรมราชทัณฑ์นำไปจัดซื้อ เพื่อนำมาให้ผู้ต้องขัง ซึ่งขนาดผ้าที่ชัดเจนต้องถามจากพนักงานสอบสวน ผู้สื่อข่าวย้ำถามว่าผู้ต้องขังสามารถนำผ้าเช็ดตัวนอกเหนือจากผ้า 3 ผืนเข้ามาได้หรือไม่นั้น “เรื่องนี้ต้องเป็นไปตามกฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์รวมถึงเครื่องแต่งกายด้วย”
ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ทางกรมราชทัณฑ์จะนำผ้าขนหนูตัวอย่างนำมาโชว์แก่สื่อมวลชน พันตำรวจเอกทวี บอกว่า ก็สามารถทำได้เพราะไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อนที่ต้องปิดบัง เราต้องคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน ย้ำว่าไม่เห็นมีอะไรต้องปิดบัง
พันตำรวจเอกทวี ยังย้ำว่า ที่สัมภาษณ์ตรงนี้ถือเป็นข้อสั่งการแล้วมีอะไรก็ต้องเปิดเผยทั้งหมด.-312.-สำนักข่าวไทย