“พล.อ.ณัฐพล” เชื่อคนกัมพูชาทั้งประเทศไม่ได้คิดเหมือนผู้นำ

ทำเนียบ 17 มิ.ย.- “พล.อ.ณัฐพล” เตรียมถก​ ศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์ชายแดนไทย​-กัมพูชา บ่ายนี้​ แก้เรื่องเร่งด่วน​ ขอคนมีอำนาจตัดสินใจเข้าร่วม​ เตรียมตั้งโฆษก​ แจง “โซเชียลฯ-ฮุนเซน” โพสต์รายวัน​ เชื่อ คนกัมพูชาทั้งประเทศไม่ได้คิดเหมือนผู้นำ


พลเอกณัฐพล​ นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม​ กล่าวถึงการประชุมศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ในช่วงบ่ายวันนี้ ว่า ปัจจุบันคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจ อยู่ระหว่างการยกร่าง และอยู่ในขั้นการประสานงาน และคาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยภายในวันนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วน และบ่ายนี้จะมีการประชุม เพื่อตรวจสอบว่าแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งใครมาร่วม ไม่ว่าจะเป็นปลัดกระทรวง ผู้แทน หรือ​ ผบ.หน่วย ระดับปลัด​ หรือเทียบเท่า​ ซึ่งต้องเป็นผู้ที่สามารถตัดสินใจได้ทันที เพื่อที่จะได้รับทราบแนวทางการทำงานต่อไป​

พลเอกณัฐพล กล่าวว่า สำหรับมาตรการเพื่อสนับสนุน การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย​ -​กัมพูชา หรือ RBC ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อปรับลดกำลังทหารของทั้งสองฝ่ายออกจากพื้นที่ ซึ่งคงต้องหารือกัน แต่เป้าหมาย ที่จะตั้งศูนย์นี้ขึ้นมา เพื่อขับเคลื่อนและบูรณาการงานที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า พร้อมทั้งรับทราบและติดตาม งานที่จะต้องใช้ระยะเวลา เช่น การประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม ไทยกัมพูชา หรือ JBC​ และ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ​ หรือ ICJ แต่ยืนยันว่า ศูนย์ดังกล่าวไม่ควรอยู่นานเกิน 1 เดือนด้วยซ้ำ​ และจะพยายามทำให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว


พลเอกณัฐพล​ ยังกล่าวว่า​ ศูนย์ดังกล่าวจะเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น การปิดด่านบ้านแหลมและด่านผักหาดหอม จังหวัดจันทบุรีทำให้ไม่สามารถขนส่งผลไม้ไทยข้ามแดนไปได้ ซึ่งตนได้เสนอ​ นายกรัฐมนตรีและ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้กระทรวงพาณิชย์ รับซื้อผักผลไม้ทั้งหมด รวมถึงเชิญชวนภาคเอกชนมาช่วยซื้อ ซึ่งปัจจุบันนายภูมิธรรมได้ประสานกับกระทรวงพาณิชย์แล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ หรือในอนาคต ทางกัมพูชาปิดด่านอื่นไม่ให้นักเรียนเข้ามาเรียนหนังสือ ก็ต้องหารือกับกระทรวงศึกษาธิการในการแก้ไขปัญหา นี่ถือเป็นความจำเป็นที่ต้อง ตั้งหัวหน้าแต่ละหน่วยงานเข้ามาอยู่ในศูนย์เฉพาะกิจนี้

พลเอกณัฐพล​ ยังระบุว่า ศูนย์ดังกล่าวจะมีการตั้งโฆษกเพื่อชี้แจงข่าวสารเชิงรุก โดยตั้งพลเรือตรีสุรสันต์​ คงศิริ​ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพไทย​ และรองโฆษกกองทัพไทย ​ ทำหน้าที่โฆษก​ รับผิดชอบการแถลงข่าวงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคง และอธิบดีกรมสารนิเทศ​ กระทรวงการต่างประเทศ​ แถลงด้านงานต่างประเทศ​ ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ชี้แจงในทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นในโซเชียล หรือกรณีสมเด็จฮุนเซน ประธานพฤฒสภากัมพูชา​ และอดีตนายกรัฐมนตรี​ ที่ออกมาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียแบบรายวัน เพื่อชี้แจงประชาชนให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งจะเริ่มทำงานตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ส่วนชื่อศูนย์กำลังให้กฤษฎีกา กำลังตรวจสอบให้อยู่ แต่ปัจจุบันใช้คำว่าทีมไทยแลนด์​ก่อน​ โดยจะใช้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ​ สมช.เป็นสถานที่ทำงาน และจะใช้ตึกนารีสโมสรเพื่อแถลงข่าว และจะมีการประชุมกันในเวลา 09.30 นาทีของทุกวัน ซึ่งยอมรับว่าการทำงานจะคล้ายกับศปก.ศบค. ที่ผ่านมา​ แต่ไม่เหมือนเสียทีเดียว เพราะมีทั้งงานเฉพาะหน้า และงานระยะยาว​ แต่ยืนยันว่าศูนย์ดังกล่าวจะไม่ก้าวก่ายงานของหน่วยงานอื่น​ เช่นกระทรวงการต่างประเทศ​ และกองทัพ​

เมื่อถามว่าศูนย์​ดังกล่าวมีอำนาจในการพิจารณามาตรการตอบโต้หรือไม่ พลเอกณัฐพลกล่าวว่า ก็ไม่เชิง หากเป็นมาตรการ ที่อยู่ในอำนาจที่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งการทำงานที่ผ่านมา เราดำเนินการอยู่แล้ว และมีการรวมตัวมาก่อนหน้านี้ เพียงแต่มาทำให้เป็นรูปแบบที่เป็นทางการ มาตรการตอบโต้บางอย่างก็จำเป็น หากทางกัมพูชาดำเนินการบางสิ่งบางอย่าง ที่ส่งผลกระทบต่อจุดผ่านแดนตามแนวชายแดน แต่อำนาจดังกล่าวต้องเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีให้รับทราบและตกลงกัน นอกจากนี้ที่ผ่านมารัฐบาลกัมพูชา ได้ขอให้ฝั่งไทยทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนและประชาชน หรือสื่อฯอื่นๆไม่ให้เสนอข่าวสร้างความเกลียดชัง แต่ได้ชี้แจงไปว่าประเทศไทยให้อิสระเสรี กับสื่อฯและประชาชนในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งจะต่างกับทางกัมพูชา ที่มีการเสนอเป็นแนวทางเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม


“อยากขอสื่อและประชาชนอย่านำเสนอให้เกิดความเกลียด เพราะคนกัมพูชาส่วนหนึ่งก็ทำงานอยู่ที่ประเทศไทยหลักแสนคน และอีกทั้งคนกัมพูชาทั้งประเทศ ไม่ได้คิดแบบนั้นเสมอไป จึงอยากให้ช่วยกัน เพราะทุกคนคงรู้ว่าเหตุการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ที่เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะคนกัมพูชาทั้งประเทศหรือไม่ การไปสร้างความเกลียดชังคนกัมพูชาทั้งหมดไม่น่าจะถูกต้อง”

เมื่อถามว่าที่จังหวัดสระแก้วห้ามคนไทยเดินทางข้ามไปกาสิโนฝั่งกัมพูชา เป็นมาตรการตอบโต้ใช่หรือไม่ พลเอกณัฐพล​ ชี้แจงว่า เป็น 1 ใน 4 มาตรการ เรื่องการเปิด-ปิดด่าน ตนยืนยันว่า เราเปิดด่านตลอดเวลา เพียงแต่กำหนดเวลาเปิด​ – ปิด จึงไม่อยากให้ใช้คำว่าปิดด่าน เพราะทางฝ่ายกัมพูชาหยิบไปเป็นประเด็น

“ยืนยันว่าเราคิดถึงความเดือดร้อนของประชาชนทั้งสองฝั่ง เพราะเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในปัญหาเรื่องดังกล่าว ถึงแม้ว่า คนของกัมพูชาจะเชื่อทางฝั่งสมเด็จฮุนเซน ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ก็มองว่า ชาวกัมพูชาอีกส่วนหนึ่งไม่น่าจะมีความคิดเช่นนั้น​ ขอวิงวอนให้สื่อฯลงข้อมูลให้ครบถ้วน ไม่เช่นนั้น ตนก็จะโดนโจมตี ว่าเป็นคนไทยหัวใจเขมร เหมือนที่ผ่านมา” พลเอกณัฐพล กล่าว.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]