ส.อ.ท.ชี้เป้ารัฐเร่งปรับโครงสร้างภาษีนำเข้า

กรุงเทพฯ 5 ก.พ. – ส.อ.ท.ชี้เป้ารัฐ เร่งปรับโครงสร้างภาษีนำเข้าก่อน เพื่อรักษาขีดความสามารถแข่งขัน รับมือสงครามการค้า


หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 43 ในเดือนมกราคม 2568 ภายใต้หัวข้อ “ความเห็นต่อนโยบายการปฏิรูปภาษีไทย” พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ เห็นด้วยหากภาครัฐดำเนินการปรับโครงสร้างภาษีนำเข้าก่อน เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตในประเทศ และเตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสงครามการค้าที่คาดว่าจะมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ขณะที่การปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในช่วงเวลานี้ ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นด้วย

จากผลสำรวจยังพบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท.ให้ความสำคัญกับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันเป็นปัจจัยหลักที่ควรต้องนำมาประกอบการพิจารณาดำเนินนโยบายปฏิรูปภาษี โดยเฉพาะการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Complete Aged Society) และกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ทำให้สินค้าส่งออกไทยตามเทรนด์เทคโนโลยีโลกไม่ทัน ส่งผลทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนไปจากเดิม การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะเดียวกันแนวทางการปฏิรูปภาษีควรดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีแผนและกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนให้ภาคธุรกิจปรับตัว ตลอดจนออกมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการปรับอัตราภาษีแก่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ


นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า การปรับภาษีเงินได้นิติบุคคลตาม Global Minimum Tax ในอัตรา 15% ที่มีผลไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 นั้น อาจทำให้ภาครัฐไม่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนได้ดังเดิม ดังนั้นภาครัฐต้องคำนึงถึงความสามารถในการแข่งขันด้านการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศด้วย เช่น ต้นทุนวัตถุดิบ โลจิสติกส์ ฯลฯ พร้อมทั้งเตรียมปรับปรุงกฎระเบียบและเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุนให้สอดคล้องเหมาะสม และมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรม (Rule of law กฎหมายสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์) ตลอดจนพัฒนาคุณภาพการศึกษา และส่งเสริมแรงงานทักษะสูงรองรับเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ๆ ที่มีมูลค่าสูง

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 125 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 47 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 43 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้

1) ปัจจัยใดที่ควรนำมาประกอบการพิจารณาในการดำเนินนโยบายการปฏิรูปภาษีไทย
อันดับ 1 : โครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม 67.2%
อันดับ 2 : ความสามารถในการแข่งขันในด้านภาษีกับประเทศคู่แข่ง 66.4%
อันดับ 3 : เสถียรภาพทางการคลังและประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี 39.2%
อันดับ 4 : แนวทางการปฏิบัติตามกฎกติกาสากล เช่น OECD 13.6%


2) ภาครัฐควรดำเนินนโยบายการปฏิรูปภาษีไทยอย่างไร
อันดับ 1 : ปรับโครงสร้างภาษีอย่างค่อยเป็นค่อยไปควบคู่กับมาตรการบรรเทาผลกระทบ 62.4%

อันดับ 2 : ขยายฐานภาษีและส่งเสริมให้เศรษฐกิจเข้ามาอยู่ในระบบ 52.0%
อันดับ 3 : การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านภาษี 44.0%
อันดับ 4 : ยึดหลักการลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ และการเก็บภาษีบนฐานทรัพย์สิน 25.6%

3) การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลตาม Global Minimum Tax ที่อัตรา 15% จะส่งผลดีอย่างไร
อันดับ 1 : ลดต้นทุนทางภาษีให้กับบริษัท เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน 59.2%
อันดับ 2 : ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) และลดแรงจูงใจที่นักลงทุนจะย้ายฐานไปประเทศที่มีภาษีต่ำกว่า 44.8%

อันดับ 3 : ส่งเสริมความเท่าเทียมในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้มาตรฐานภาษีที่เท่าเทียม 43.2%
อันดับ 4 : ช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนซ้ำภายในประเทศ และมีมาตรการส่งเสริมที่ไม่ใช่ภาษีเพิ่มมากขึ้น 27.2%

4) ภาคอุตสาหกรรมมีความกังวลต่อการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลตาม Global Minimum Tax ที่อัตรา 15% ในเรื่องใด
อันดับ 1 : ความสามารถในการแข่งขันด้านการดึงดูดการลงทุน จากต่างประเทศด้านอื่นๆ เช่น ต้นทุนวัตถุดิบ โลจิสติกส์ ฯลฯ 64.0%
อันดับ 2 : การปรับสิทธิประโยชน์จากมาตรการส่งเสริมการลงทุนของ BOI 44.0%
อันดับ 3 : การปรับตัวของผู้ประกอบการจากการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลตาม GMT 36.0%
อันดับ 4 : แผนการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ (FDI) อาจหยุดชะงัก 16.8%

5) ภาคอุตสาหกรรมมีความเห็นต่อนโยบายการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อย่างไร
อันดับ 1 : ไม่เห็นด้วย 62.4%
อันดับ 2 : เห็นด้วย 37.6%

6) ภาครัฐควรเร่งพิจารณาปรับปรุงภาษีประเภทใด
อันดับ 1 : ภาษีนำเข้า 48.8%
อันดับ 2 : ภาษีนิติบุคคล 44.8%
อันดับ 3 : ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 38.4%
อันดับ 4 : ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 32.8%

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]

“เต้ มงคลกิตติ์” หอบกล้องวงจรปิด 34 จุดคดี “แตงโม” มอบดีเอสไอ

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อมอบหลักฐานและให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

“อนุทิน” ยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวค่าสลาก

“อนุทิน” บอกยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวเงินค่าสลาก ชี้หากจริง ผู้ว่าฯ เหนื่อยแน่

ข่าวแนะนำ

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

สมช.เคาะพรุ่งนี้ 9 โมง! ตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุด

สมช.เคาะตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดในเมียนมา โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พรุ่งนี้ 09.00 น. เชื่อ เข้าใจหลังมีการหารือแจ้งให้เตรียมความพร้อมแล้ว ย้ำ ไม่แทรกแซงเรื่องภายใน

ผบช.ภ.2 สั่งย้าย ผกก.สภ.องครักษ์ เซ่นปม จนท.บุกทลายบ่อน

รมว.มหาดไทย ชื่นชมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนนครนายก ขณะที่ ผบช.ภ.2 สั่งย้ายผู้กำกับการ สภ.องครักษ์ เซ่นปมบ่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ใครบกพร่อง-รับผลประโยชน์ ยืนยันเอาผิดไม่มีละเว้น