กรุงเทพฯ 27 ม.ค. – ผู้ค้า-ปชช. เผยตรุษจีนเยาวราชปีนี้จับจ่ายไม่คึกคักเท่าปีที่แล้ว โอดเศรษฐกิจไม่ดี ด้านร้านทอง เผยยอดขายลดลง 20-30% จากตรุษจีนจีนปีที่แล้ว
บรรยากาศการจับจ่ายช่วงเทศกาลตรุษจีน 2568 วันนี้ยังมีประชาชนทยอยออกมาจับจ่ายกันอย่างต่อเนื่อง จากการสอบถามผู้ค้าย่านเยาวราชหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายอดขายลดลงจากปีที่แล้วค่อนข้างมากเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ส่วนใหญ่ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยในช่วงเสาร์-อาทิตย์กันไปแล้ว วันนี้จึงค่อนข้างบางตา ผู้ค้าบางราย ยอมรับว่าสั่งของมาน้อยลงจากปีที่แล้ว และปีนี้ไม่ได้ปรับราคาเพิ่มขึ้น ยังคงขายราคาเดิม
ขณะที่ประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอย มีทั้งที่สามารถซื้อได้เหมือนเดิม โดยให้เหตุผลว่าเป็นประเพณียังอยากทำเหมือนเดิม แต่หลายคนยอมรับ ต้องปรับตัว ซื้อของลดลงจากปีที่แล้ว เช่น ผลไม้ที่ซื้อลดลงจำนวนลง ส่วน ของสด เช่น หมู เลือกที่จะเปลี่ยนเป็น หมูแผ่น หมูหยอง ซึ่งเป็นของแห้ง ยังสามารถเก็บไว้กินได้
ผู้สื่อข่าวสำรวจราคาสินค้าย่านเยาวราช พบว่าราคาขนมเข่ง ขนมเทียน บางร้านปรับราคาขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบมีการปรับเพิ่มขึ้นทั้ง น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ แป้งข้าวเหนียว ทำให้ต้องขายขนมเข่ง คู่ละ 30-40 บาท ขนมเทียนไส้เค็ม-หวาน ลูกละ 10 บาท
ส่วนราคาหมูสามชั้นต้ม ชิ้นละ 250-280 บาท ไก่สด กิโลกรัมละ 150 บาท ไก่ไทยต้มตัวละ 550-600 บาท แล้วแต่ขนาด ไก่เนื้อ ตัวละ 350 บาท แล้วแต่ขนาด เป็ดพะโล้ ตัวละ 420-500 บาท แล้วแต่ขนาดเช่นกัน และกระดาษไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้า ราคาทรงตัวจากปีที่ผ่านมา ส่วนผลไม้ที่นิยมนำไปไหว้เทพเจ้าอย่างส้มโลละ 150 บาท แอปเปิ้ลฟูจิญี่ปุ่น กิโลกรัมละ 100 บาท องุ่น ครึ่งโล 250 บาท
ขณะที่บรรยากาศการซื้อขายทองคำในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี รองเลขาธิการสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ยอดขายลดลงประมาณ 20-30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาทองปรับสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก โดยราคาทองรูปพรรณปีนี้อยูที่ระดับ 44,050 บาทต่อบาททองคำ จากช่วงเดียวกันปีก่อนปีมี่ระดับ 33,000 บาทต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้นราว 10,000 บาท ทำให้ห้างร้านบางแห่งเปลี่ยนจากเดิมที่เคยซื้อทองเป็นของขวัญตรุษจีนไปซื้อผลิตภัณฑ์อย่างอื่น เนื่องจากสู้ราคาทองคำในขณะนี้ไม่ไหว ขณะที่ประชาชนทั่วไป เลือกที่จะนำทองรูปพรรณที่มีอยู่เดิมมาเปลี่ยนลาย ทดแทนการซื้อใหม่
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตลาดคาดการณ์ว่าหลังจากที่โดนัล ทรัมป์ รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ราคาทองคำจะย่อลง นักลงทุนจึงรอเข้าซื้อ แต่กลับพบว่าเมื่อทรัมป์ เข้ารับตำแหน่ง ราคาทองคำยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนยังชะลอการซื้อทองคำ นอกจากนี้ยังต้องจับตา ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ที่ยังยืดเยื้อ รวมถึงประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และหลายธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเดินหน้าสะสมทองคำ โดยคาดว่าปีนี้อาจได้เห็นราคาทองคำไปแตะที่ 48,000 บาทต่อบาททองคำ.-515-สำนักข่าวไทย