กรุงเทพฯ 27 ม.ค. – ศาลอนุมัติหมายจับ 2 ชายฉกรรจ์รุมทำร้ายนายแพทย์ เจ้าของคลินิกเวชกรรม ย่านสีลม ด้านผู้เสียหายเชื่อมีคนบงการ เพราะมีการวางแผนเป็นระบบ ส่วนอาการบาดเจ็บดีขึ้นแล้ว
กล้องวงจรปิดจับภาพนาที 2 คนร้ายขี่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน คนหนึ่งสวมเสื้อยืด อีกคนสวมเสื้อลายพราง ลักษณะยืนพูดคุยกัน โดยในมือชายเสื้อลายพรางถือหมวกกันน็อกไว้ คล้ายกับดักรอใครบางคน ก่อนที่ นพ.ชเนษฎ์ หรือ หมอกล้า เจ้าของคลินิกเวชกรรมแห่งหนึ่ง จะเดินออกมาจากคลินิก จากนั้น 2 คนร้ายก็จู่โจมใช้หมวกกันน็อกกระหน่ำตีจนศีรษะแตก และตามร่างกายบาดเจ็บหลายแห่ง ทั้งใบหน้า ข้อศอก และหัวเข่า ก่อนจะขี่รถหลบหนีไปทาง ถ.สาทร เมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ในซอยสีลม 3 (ซอยพิพัฒน์) แขวงสีลม เขตบางรัก กทม.
หลังเกิดเหตุ นพ.ชเนษฎ์ เข้าแจ้งความที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ทันที โดยยืนยันว่า ไม่รู้จักกับผู้ก่อเหตุ และไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร แต่ก่อนที่ผู้ก่อเหตุทั้งสองจะเข้ามาทำร้าย หนึ่งในนั้นเดินเข้ามาหา พร้อมพูดว่า “มึงมาด่าพ่อกูทำไม” ตนจึงตอบกลับไปว่า “ไม่รู้เรื่อง ไม่เคยด่าพ่อใคร” แล้วก็ถูกทำร้ายทันที

ทั้งนี้ นพ.ชเนษฎ์ เชื่อว่ามีคนบงการ เพราะมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ มีการมาถ่ายรูปสร้างเรื่องร้องเรียนคลินิกของตน แต่ทำอะไรไม่ได้ และเมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีส้ม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดดักรอบริเวณจุดเกิดเหตุหลายครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา และมาสบโอกาสก่อเหตุวันที่ 25 ม.ค. ก่อนหน้านี้เมื่อกลางปีที่แล้วก็มีคนทำร้ายเจ้าของร้านอาหารใกล้ๆ ซึ่งเป็นการทำร้ายผิดตัว ยิ่งทำให้เชื่อว่าเป็นขบวนการเดียวกันกับที่ทำร้ายตน ลักษณะเป็นการว่าจ้าง ส่วนใครเป็นผู้ว่าจ้าง ตนไม่ทราบแน่ชัด เพราะตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่มีเรื่องทำร้ายเจ้าของร้านอาหาร ตนก็ไล่โทรหาอดีตคนที่เคยขัดแย้ง รวมถึงหุ้นส่วนเก่า เพื่อถามตรงๆ ว่ามีเรื่องข้องใจอะไรต่อกันอีกหรือไม่ แต่ไม่คิดว่าจะถึงกับมาทำร้ายกัน ส่วนอาการบาดเจ็บดีขึ้นแล้ว และยังเปิดคลินิกให้บริการตามปกติ เพียงแต่กำชับพนักงานให้ระมัดระวังตัว
ล่าสุดศาลอนุมัติหมายจับ 2 ผู้ก่อเหตุแล้ว ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี. – สำนักข่าวไทย