สหรัฐ 13 พ.ย.-นายกฯ พบผู้บริหารบริษัทภาพยนตร์ชั้นนำของสหรัฐฯ ได้รับคำชมนโยบายรัฐบาลส่งให้ไทยเป็นตัวเลือกสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ต่างประเทศที่มีความโดดเด่นในภูมิภาค ขณะที่ไทยพร้อมผลักดันเป็นฮับถ่ายทำภาพยนตร์ ชูซอฟต์พาวเวอร์สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ตามเวลาท้องถิ่นของนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 15 ชั่วโมง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงรับรองเพื่อสร้างเครือข่าย (networking reception) กับ นายชาร์ลส์ เอช. ริฟกิน ผู้บริหารบริษัทโมชั่น พิกเจอร์ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทภาพยนตร์ชั้นนำของสหรัฐฯ และบริษัทสร้างภาพยนตร์อื่นๆ ประกอบด้วย บริษัท วอลต์ดิสนีย์ , เอชบีโอ เอชบีโอแม็ก และ บริษัท วอร์เนอร์บราเธอส์ , บริษัท อเมซอน และ เอ็มจีเอ็ม สตูดิโอส์ , บริษัท เอ็นบีซียูนิเวอร์แซล มีเดีย จำกัด , บริษัท เน็ตฟลิกซ์ , บริษัท โซนี่พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ , บริษัท พาราเมาต์พิกเจอส์ ณ โรงแรมเบเวอร์ลี วิลเชอร์ อะ โฟร์ซีซันส์
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการถ่ายทำภาพยนตร์ว่า เป็นหนึ่งในภาคส่วนที่จะส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ซึ่งไทยสามารถเรียนรู้จากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมา มีการถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 450 เรื่องจาก 40 ประเทศในประเทศไทย สร้างรายได้ประมาณ 190 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งผู้สร้างภาพยนตร์สหรัฐฯ เป็น กลุ่มนักลงทุนอันดับหนึ่ง โดยมีภาพยนตร์ 34 เรื่องที่ถ่ายทำในไทย โดยรัฐบาลส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ทั้งนี้ไทยทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย อาทิ เพิ่มสิทธิประโยชน์ในรูปแบบของการคืนเงินสูงสุดที่อัตราร้อยละ 30 และไม่กำหนดเพดานคืนเงินสูงสุดต่อโครงการด้วย
ด้าน นายชาร์ลส์ เอช. ริฟกิน ผู้บริหารบริษัทโมชั่น พิกเจอร์ กล่าวชื่นชมนโยบายไทยในการเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการถ่ายทำภาพยนต์ การที่รัฐบาลไทยยิ่งเพิ่มแรงจูงใจให้กับอุตสาหกรรมภาพยนต์ในระดับสากล ทำให้ไทยเป็นตัวเลือกของสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ต่างประเทศ ที่มีความโดดเด่น ในภูมิภาคได้มากขึ้น และจะช่วยรับประกันการลงทุนในอนาคตที่มากขึ้น ทั้งนี้ ยังรู้สึกตื่นเต้นมากหากจะได้ร่วมงานกับประเทศไทยมากขึ้น โดยบริษัทได้เข้ามาลงทุนในการสร้างภาพยนตร์ในไทย มีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉลี่ยประมาณ 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และช่วยเสริมสร้างทักษะของบุคคลและสร้างงานในท้องถิ่น เชี่อว่า การหารือเพิ่มเติมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับทั้ง 7 บริษัทที่มาในวันนี้จะสามารถให้การสนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์ของไทยโดยเฉพาะอุตสาหกรรมภาพยนต์ไทยได้เป็นอย่างดี
ช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี ได้ถ่ายรูปร่วมกับคณะนักดนตรีไทยที่มาโชว์การแสดง และได้ทดลองตีขิม พร้อมระบุว่าเคยเล่นในสมัยเรียน ตอนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ ซึ่งได้รับเสียงปรบมือจากผู้เข้าร่วมงาน.-316.-สำนักข่าวไทย