ร้อง กมธ.พัฒนาการเมืองฯ สอบปมแสนสิริซื้อที่ดิน

รัฐสภา 7 ส.ค.  – “เรืองไกร” ร้อง กมธ.พัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา สอบซื้อที่ดินแสนสิริ “เศรษฐา” เอี่ยวหรือไม่ ชี้อาจส่งผลต่อการโหวตเลือกนายกฯ ปมซื่อสัตย์สุจริต ย้ำถ้าได้นายกฯ เล็งสอบคุณสมบัติต่อ


นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐและอดีตสมาชิกวุฒิสภา มายื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ให้ตรวจสอบกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ที่จะถูกเสนอชื่อให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี มีคุณสมบัติเหมาะสมหรือไม่ หลังจากที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉปมการซื้อขายที่ดินแห่งหนึ่ง และมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี่ยงภาษี จนอาจไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการฯ ในฝั่งของสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่เกิดขึ้น จึงนำเรื่องมาให้ทางวุฒิสภาตรวจสอบรอบด้าน ทั้งผู้ร้อง ผู้กล่าวอ้าง คนแก้ต่าง บริษัทแสนสิริ หรือฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย เพราะทั้งหมดยังไม่มีข้อยุติ จึงต้องมาให้กรรมาธิการสอบหาข้อเท็จจริงจากหน่วยงานหลัก โดยการขอเอกสารจากนายชูวิทย์ ขอเอกสารจากบริษัทแสนสิริ เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินทั้งหมด ตั้งแต่สัญญาจะซื้อจะขาย รูปเล่มการลงบัญชี การจ่ายแคชเชียร์เช็ค การจ่ายค่ามัดจำสัญญา ค่าธรรมเนียม รวมไปถึงเชิญเจ้าหน้าที่กรมที่ดินที่รับจดนิติกรรมต่าง ๆ เจ้าหน้าที่สรรพากร เพื่อให้ข้อมูลว่าเป็นการวางแผนภาษี หรือหลบเลี่ยงภาษี หรือหนีภาษีหรือไม่ ส่วนที่นายเศรษฐา ชี้แจงว่าซื้อถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาล ต้องฟังความทั้งหมด จึงคิดว่า 10 กว่าวันที่ยังมีเวลา ควรให้กรรมาธิการได้ดำเนินการ


ด้านนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และรองคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ ซึ่งเป็นผู้รับเรื่องแทน กล่าวว่า จะนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมาธิการให้พิจารณา โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เพื่อให้เกิดข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาการทำหน้าที่ของวุฒิสภาในการโหวตเลือกนายกฯ อีกครั้ง กรรมาธิการจะเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมาธิการชุดอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป สว.มีหน้าที่โดยตรงในการร่วมเลือกนายกฯ

เมื่อถามว่า อีก 10 กว่าวันที่จะเลือกนายกฯ กรรมาธิการจะพิจารณาทันหรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า เงื่อนเวลาเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริงมากที่สุดโดยเร็ว โดยจะมีการทำหนังสือคู่ขนานไปยังภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และเชิญบุคคลมาชี้แจงโดยเร็ว

ส่วนขอบเขตการแสวงหาข้อเท็จจริงจากภาคเอกชน นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ต้องขอข้อเท็จจริงจากผู้ที่มีส่วนได้เสีย และเป็นประโยชน์กับเขาเอง ควรจะต้องให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน แต่ไม่มีกฎหมายเชิงบังคับว่าให้ทำ แต่นี่คือผลประโยชน์ร่วมกันของผู้ถูกกล่าวหา สว.ที่จะมีข้อมูลในการพิจารณา และเป็นผลประโยชน์ต่อประชาชนในกระบวนการคัดเลือกนายกฯ ที่มีความสมบูรณ์


ส่วนที่เบื้องต้นบริษัทแสนสิริ ชี้แจงว่า นายเศรษฐา อาจไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดิน เพราะเป็นเพียงผู้ลงนาม พอจะรับฟังได้หรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงทุกฝ่ายรับฟังได้อยู่แล้ว แต่เราอยากฟังความเห็นจากทุกฝ่ายให้ครบถ้วน ซึ่งดีกว่าการไม่รับฟัง การที่นายเรืองไกร นำข้อมูล ข้อเท็จจริง และเสนอแนะให้ติดตามขอข้อมูลจากหน่วยงาน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นประโยชน์ และเชื่อว่าจะเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่สุด

นายเรืองไกร ยังตั้งข้อสังเกตกรณีสัญญาซื้อขายที่ดิน 12 ฉบับ ว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก เนื่องจากผู้ขายทั้ง 12 คน ลงเหมือนกันว่า ทั้งสองฝ่ายไม่ทราบขอบเขตที่ดินและเนื้อที่มีเพียงใด ซึ่งเอกชนทั้ง 12 ราย ที่รับที่ดินมาปี 61 แล้วขายในปี 62 โดยการได้มาไม่เกิน 5 ปี จะต้องมีการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เสียภาษีเงินได้เป็นรายบุคคล เมื่อเสียภาษีเงินได้ ค่าธรรมเนียมร้อยละ 2 และภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว จะไม่เสียอากรแสตมป์ ดังนั้น สิ่งที่กรรมาธิการควรจะได้รับจากบริษัทแสนสิริ คือ รายงานการประชุมของบริษัทที่จัดทำโดยคณะกรรมการตรวจสอบประจำปี 62 ที่ระบุชัดเจนถึงการดำเนินงานของบริษัท และโดยเฉพาะข้อ 6 การกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งบริษัทเข้าเป็นแนวร่วมการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน (CAC)

นายเรืองไกร กล่าวว่า ในปี 62 ที่นายเศรษฐาอาจไม่ได้รับรู้เรื่องการทำธุรกรรม แต่เมื่อดูจากงบการเงินปี 62 ระบุไว้อย่างชัดเจน นายเศรษฐาถือหุ้นร้อยละ 4.66 ซึ่งสอดรับกับรายงานการประชุมที่บอกว่า ทำไมต้องมอบและแบ่งเป็น 12 ครั้ง ซึ่งจะต้องชี้แจง หากเห็นว่าถูกต้องตามหลักกฎหมายและธรรมาภิบาล ตามที่แสนสิริชี้แจง นอกจากนี้ยังเห็นว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินรอการพัฒนา มูลค่าที่ดิน 1,600 ล้านบาท เป็นที่ดินที่เพิ่มขึ้นจากปี 61 อย่างมีนัยสำคัญ เพราะในหมายเหตุของงบการเงิน ที่ดินรอการพัฒนาน่าจะอยู่ในรายการนี้ปี 61 มี 13,000 กว่าล้านบาท ส่วนปี 62 มี 18,000 ล้านบาท เพิ่มมา 5,000 ล้านบาท จึงเป็นเหตุผลที่ต้องให้กรรมาธิการเรียกเอกสารทางบัญชี ซึ่งจะได้รับคำตอบว่า ผู้รับเงินทั้ง 12 ราย รับเงินไปแล้วเป็นแคชเชียร์เช็คส่วนหนึ่ง หรือรับเงินสุทธิหรือไม่ รวมถึงภาษีค่าธรรมเนียบร้อยละ 3 ซึ่งต้องดูว่ามีการจ่ายภาษีอีกทอดหนึ่งหรือไม่ รวมถึงมูลค่าที่ดินรอการพัฒนา ทางบริษัทแสนสิริบันทึกราคาที่ดินบวกค่าธรรมเนียมภาษีหรือไม่ ถ้าค่าธรรมเนียมรวมลงได้ แต่ถ้าภาษีเงินได้ธุรกิจเฉพาะออกให้ ต้องถือเป็นเงินได้พึงประเมินหรือไม่ สรรพากรต้องตอบ

“คนที่จะเป็นนายกฯ จะต้องชี้แจงเรื่องเหล่านี้ ว่าตอนที่เป็นผู้บริหารปี 62 เรื่องที่ถูกกล่าวหาเหล่านี้ชี้แจงอย่างไร ซึ่งข้อมูลคงได้แค่เบื้องต้นในการวินิจฉัย แต่สมมติว่าคุณเศรษฐาได้เป็นนายกฯ มาตรา 160 จะถูกหยิบขึ้นมาว่า รัฐมนตรีเคยมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ ถ้านายเศรษฐาได้เป็นนายกฯ ตนจะช่วยเข้ามาตรวจสอบ และมีความจำเป็นต้องดูว่า นายกฯ ก่อนที่จะเข้ามามีสถานะมีเหตุหรือไม่อย่างไร จะไม่สามารถไปยืนยันข้อเท็จจริงว่า นายเศรษฐาขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามเลยคงไม่ใช่ ไม่งั้นจะเป็นการชี้นำสมาชิกรัฐสภามากเกินไป” นายเรืองไกร กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย