รัฐสภา 8 พ.ค.- กมธ.พัฒนาการเมืองฯ รุมซัดงบปรับปรุงสภา ภาพลักษณ์ที่ดีไม่ได้มาจากความสวยหรูของอาคาร ควรใช้ภาษีอย่างคุ้มค่า ให้สมกับที่ประชาชนเลือกมา อึ้งโอนงบเหลือจ่ายใช้ระเบียบสภาไม่ผ่านสำนักงบฯ
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ประธานคณะกรรมาธิการ พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้มีการประชุม พิจารณาศึกษาผลการดำเนินงาน และการบริหารจัดการงบประมาณ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยมีการเชิญแต่บุคคลเกี่ยวข้องเข้าชี้แจง โดยนายพริษฐ์ กล่าวว่าการประชุมในวันนี้ ต่อเนื่องจากการประชุมครั้งที่แล้ว ที่สำนักแผนนโยบายไม่สามารถให้คำตอบวันนี้เป็นจำเป็นต้องเชิญตัวแทนแต่ละสำนักที่เป็นเจ้าของโครงการ 15 โครงการ มาชี้แจงเพิ่มเติม ซึ่งการ พิจารณางบประมาณไม่ได้ดูเรื่องความชอบด้วยกฎหมาย แต่ต้องดูเรื่องความสมเหตุสมผล และตรวจสอบพิจารณา เพราะเป็นคำถามที่คณะกรรมาธิการและประชาชนสงสัย ว่าการพิจารณางบประมาณควรจะมีความสมเหตุสมผลสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน โดยชณะนี้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่มาก เชื่อว่าส.ส สัมผัสเรื่องนี้ได้จากการลงพื้นที่พบประชาชน ทั้งเรื่อง SME ที่ล่มสลาย ,ค่าแรงขั้นต่ำไม่ขึ้น รวมถึงเรื่องกำแพงภาษี ดังนั้นควรจะประหยัดงบประมาณ และอยากให้ตระหนักว่าภาพลักษณ์ที่ดีของรัฐสภาไม่ได้มาจากอาคาร และความสวยงาม สวยหรูของรัฐสภา แต่มาจากการพิจารณากฎหมายการตรวจสอบรัฐบาลความโปร่งใสในการดำเนินงานของสภา และการใช้ภาษีอย่างคุ้มค่า ประชาชนสามารถฝากความหวังไว้กับสภาผู้แทนราษฎรให้สมกับ ที่เป็นสถาบันที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เมื่อสภาผู้แทนราษฎรเป็นหน่วยงานที่ชี้ขาด ว่าหน่วยงานไหนควรได้รับงบประมาณเท่าไร ถ้าเราไม่สามารถตรวจสอบงบประมาณงบประมาณของหน่วยงานของหน่วยงานเราเองได้ ก็จะสูญเสียความชอบธรรม ในการตรวจสอบหน่วยงานอื่น และสูญเสียความไว้วางใจจากประชาชน จึงอยากให้ยึดถือในเรื่องเหล่านี้
ทั้งนี้จากการพิจารณา 5 โครงการ ที่ไม่ได้รับการอนุมัติงบ เป็นภาพรวมการก่อสร้างที่มีการใช้ไปแล้ว 13,000ล้านบาท และค่าควบคุมก่อสร้างอีก 400 ล้านบาท เหตุใดจึงต้องตั้งงบประมาณอีก จึงอยากให้ช่วยยืนยันว่า 15 โครงการที่ขอไปไม่มีอยู่ในแบบเดิม เพราะถ้าอยู่ควรจะเป็นงบประมาณที่ใช้การก่อสร้างตั้งแต่ต้น
ด้านนายปกาสิต จำเรือง ผู้อำนวยการสำนักอาคารสถานที่ ยืนยันว่า โครงการทั้งหมดที่เสนอไม่มีส่วนใดที่คาบเกี่ยวกับการก่อสร้างเดิม ส่วนการของบประมาณใหม่ เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง ในเดือนกุมภาพันธ์มีการพิจารณาจัดสรรกันไปแล้ว
ด้านนายพฤหัส ปราบปรี ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานบริหารจัดการและบริการสถานที่ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานอาคารสถานที่ ชี้แจงว่า หลังจากที่มีการตรวจรับงานยังเหลือเงินอีกก้อนหนึ่ง ที่ยังไม่ได้เบิกจ่าย กว่า 300 ล้านบาท เพราะยังมีบางประเด็นที่ต้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับจ้าง ซึ่งขณะนี้งบอยู่ที่สำนักงานการคลัง โดยเป็นเงินค่าคุมงานค่าจ้าง ค่าที่ปรึกษา จึงหักเงินก้อนนี้ไว้ให้กับที่ปรึกษาเป็นค่าเสียหาย และอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นคดีความส่วนความคืบหน้า ว่า เรื่องนี้ดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้วตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่ฝ่ายกฎหมาย
นายพฤหัส ยังชี้แจงต่อว่า งบประมาณที่จอดรถและปรับปรุงศาลาแก้ว เป็นการปรับปรุงตามแบบ ทั้งห้องประชุมงบประมาณ ก็เป็นการปรับปรุงเพิ่มจากเดิม รวมถึงฉากหลังบัลลังก์ด้วย.-319.-สำนักข่าวไทย