รวบแล้ว แม่คลั่ง ยอมรับติดยา แต่ไม่เคยตีลูก

นนทบุรี 27 มิ.ย. – รวบแล้ว แม่คลั่ง ยอมรับติดยา แต่ไม่เคยตีลูก หลังลูกคนโตอายุ 17 ปี สุดทน อัดคลิปแฉ ขอความช่วยเหลือ แม่อาละวาดด่าทอ ทำร้ายลูก 4 ขวบ แถมติดปั่นสลอต-ติดยา


ลูกสาวคนโต วัย 17 ปี ถ่ายคลิปแม่ อายุ 33 ปี ลงมือทำร้ายน้องชายคนเล็กวัย 4 ขวบ อย่างหนัก ทั้งที่น้องชายพยายามวิ่งหนีเข้าไปหายายในห้อง แต่แม่ก็ตามมากระชากตัว และหันมาด่าทอ รวมถึงใช้ขวดน้ำตีแขนยาย แต่ยายไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่ก็เลี้ยงดูแม่มาตั้งแต่อายุ 2-3 ขวบ

ลูกสาวคนโต บอกว่า นอกจากสุดทนกับพฤติกรรมของแม่ ที่ต้องถ่ายคลิปเพราะก่อนหน้านี้เคยโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ แต่ได้รับคำแนะนำว่าให้ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน ส่วนเวลาบอกแม่จะเอาน้องไปเลี้ยงเอง แม่ก็ไม่ให้ นอกจากนี้ เธอยังเล่าอีกว่า แม่มีลูก 5 คน ทุกคนเป็นลูกคนละพ่อ โดยในจำนวนพี่น้องทั้งหมด เธอเป็นคนโตและเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว (คนที่ 1) ที่เหลือเป็นผู้ชายหมด อายุไล่กัน คือ 8 ขวบ (คนที่ 2) 5 ขวบ (คนที่ 3) และ 4 ขวบ (คนที่ 4) ส่วนอีกคนแม่เพิ่งแท้งไป (คนที่ 5) โดยน้องคนที่อายุ 4 ขวบ นอกจากนอกจากถูกแม่ตีเป็นประจำ บางวันก็ถูกปล่อยให้อดๆ อยากๆ ไม่ได้กินข้าว


ขณะที่อาชีพของแม่ ไม่ได้ทำงานอะไรเป็นหลักแหล่ง แอบไปขโมยมือถือในร้านคาราโอเกะไปขาย พอได้เงินมา 7-8 พันบาทก็เอาไปซื้อยาบ้ามาเสพกันในห้องกับผู้ชายเป็นประจำ ซึ่งบางครั้งเธอเคยเห็นแม่เสพยาบ้าวันละ 10 เม็ด เรียกว่าเสพจนติด เพราะถึงแม่มีงานทำแต่ก็ยังพยายามหาเงินมาซื้อ พอได้เสพก็จะอารมณ์ดี หัวเราะสนุกสนาน ไม่ด่าใครเลย แต่ถ้าวันไหนไม่ได้เสพจะหงุดหงิด อาละวาด ด่าคนไปทั่ว ที่หนักสุดคือไประบายลงไม้ลงมือกับลูกชายวัย 4 ขวบเป็นประจำ และเคยชวนลูกสาวคนโตไปรับยาบ้ามาขายด้วย พฤติกรรมของแม่ทั้งหมด คนในชุมชนรู้หมด แต่ไม่มีใครกล้ายุ่ง เพราะกลัวถูกด่า

ลูกสาวเล่าต่ออีกว่า นอกจากติดยาบ้า เมื่อมีเงิน แม่ก็จะเอาไปเล่นพนันปั่นสลอตในมือถือ พอเสียจะอารมณ์ไม่ดีไปลงที่น้องชายคนเล็กอีก ซึ่งตอนนี้ คลิปก็มีแล้ว สื่อก็นำเสนอข่าวแล้ว อยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ พาแม่ไปบำบัด และตรวจสุขภาพจิต ว่ายังปกติดีอยู่ไหม ส่วนน้องชายคนเล็กหากเป็นไปได้ก็อยากรับมาเลี้ยงดูแทน เพราะสงสาร น้องอายุ 4 ขวบแล้ว ยังมาโดนทำร้าย แถมยังไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ

ขณะที่ยาย อายุ 78 ปี ยืนยันว่า ที่เห็นในคลิปเป็นเรื่องจริงทุกอย่าง โดยหลานวิ่งเข้ามาให้ช่วย แต่แม่ตามมาจิกกระชากหัว ยายเข้าห้ามก็ถูกตีด้วยขวดน้ำ อ้างว่าจะตีลูกใครจะทำไม อย่ามายุ่ง แถมเคยบอกด้วยว่าจะฆ่า เพราะฆ่าคนตาย ก็แค่ติดคุก ไม่กลัวคุก และที่เห็นในคลิปไม่ใช่ครั้งแรก แม่ทำกับหลานแบบนี้เป็นประจำและแทบจะทุกวัน ทั้งจิกหัวตบหน้าทั้งเตะติดกำแพงห้อง นอกจากนี้แต่ละวันจะมีผู้ชายหมุนเวียนสลับหน้ามาหาถึงห้องไม่ซ้ำกัน พอผู้ชายเอายามาให้เสพก็จะร่าเริง อารมณ์ดี อย่างไรก็ตาม หลังเป็นเรื่องราวออกข่าว แม่รายนี้ล่องหน ขนเสื้อผ้าใส่กระเป๋าบอกคนดูแลห้องเช่าว่าจะไปทำงานต่างจังหวัด


เช้านี้ ตำรวจ ปลัดอำเภอไทรน้อย และพม.นนทบุรี ลงพื้นที่พูดคุยกับลูกสาวคนโตที่ถ่ายคลิป และยาย พร้อมกับพาทั้งหมดเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ไทรน้อย เพื่อติดตามตัวแม่สุดโหดมาดำเนินคดี ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา แม่สุดโหดไปไม่รอด ถูกตำรวจตามรวบได้ที่หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง บริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 3 เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ซึ่งขณะถูกจับนางสาวรัตน์ติยา มีสีหน้าเรียบเฉย และไม่ให้สัมภาษณ์สื่อ ขณะที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า คดีนี้จะแบ่งดำเนินคดีเป็น 2 ส่วน ส่วนเเรกคือ ดำเนินการเกี่ยวกับเด็ก ซึ่งตำรวจได้พูดคุยกับ พม.นนทบุรี และเเม่เด็ก ให้ยินยอมส่งลูกวัย 4 ขวบเข้าไปอยู่ในการคุ้มครอง ดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

และอีกส่วนคือการดำเนินคดีกับแม่เด็ก ซึ่งพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริง เนื่องจากผู้เสียหายเป็นเด็กอายุ 4 ขวบ จำเป็นที่ต้องสอบสวนผ่านนักจิตวิทยา อัยการ เพราะการตรวจร่างกายของเด็กไม่พบว่ามีบาดแผล แถมร่างกายก็ปกติ แต่เรื่องสภาพจิตใจต้องให้ พม. ประเมิน เมื่อทราบผลจึงจะนำมาประกอบข้อเท็จจริงว่าการกระทำของเเม่เด็ก จะเข้าข่ายมีความผิดข้อหาใด เพราะแม่เด็กอ้างว่าตามคลิปเป็นเพียงการดุด่าว่ากล่าวตามประสาประสาพ่อเเม่ทั่วไป บางครั้งต้องทำเพราะลูกดื้อ หรือซน และที่ผ่านมาไม่เคยทำรุนแรงตามที่เห็นในคลิป ส่วนพฤติกรรมการเสพยา ตำรวจนำตัวไปตรวจหาสารที่โรงพยาบาล ซึ่งต้องรอผล แต่ตัวแม่เองยอมรับว่าติดยางอมแงม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ถก สมช.-ครม.นัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิง

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ด้าน “บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ บอกผ่าน GBC ระดับเลขาฯ แล้ว เบื้องต้นบรรลุข้อลงหยุดยิง ตามข้อเสนอ 8 ข้อ ขอรอดูปฏิบัติจริง ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์เป็นข้ออ้างกล่าวหาเขมรได้-ขอสบายใจ ยึดประโยชน์ชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีรัฐพิเศษเพื่อที่จะรับรองข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ภายหลังคณะเลขานุการ GBC ไทย ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อหารือในวงเล็กมาก่อนหน้านี้ โดยบรรยากาศการประชุมมีบรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอาทิ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงคณะเลขานุการ GBC เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พลเอกณัฐพล เปิดเผยก่อน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย