กรุงเทพฯ 16 พ.ค. – กรมควบคุมมลพิษออกหลักเกณฑ์ระดับสิ่งปะปนที่มากับกระดาษซึ่งจะนำเข้ามาในประเทศ โดยกำหนดสิ่งต้องห้าม–สัดส่วนสิ่งปะปนไม่เกิน 2–3% ป้องกันขยะเทศบาลเลี่ยงกฎหมาย
นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า คพ. ได้ออกประกาศ “หลักเกณฑ์การพิจารณาระดับสิ่งปะปนของเศษกระดาษที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2568” เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมการนำเข้าเศษกระดาษใช้แล้ว ป้องกันกรณีลักลอบนำเข้าขยะเทศบาลแฝงมาในชื่อกระดาษรีไซเคิล และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
อธิบดี คพ. ระบุว่า แม้ประเทศไทยสามารถผลิตผลิตภัณฑ์กระดาษได้ภายในประเทศ แต่ยังมีความต้องการนำเข้าเศษกระดาษใช้แล้ว โดยเฉพาะเยื่อใยยาวจากไม้สนต่างประเทศ ซึ่งไม่มีในประเทศ จึงจำเป็นต้องนำเข้ากระดาษประเภท “นำกลับคืนมาใช้ได้อีก” ตามพิกัดศุลกากร 47.07 แต่ต้องไม่มีการปนเปื้อนวัสดุอื่น เช่น พลาสติก ยางไม้ แก้ว โลหะ สิ่งทอ หรือของเสียอื่น ๆ ซึ่งจะเข้าข่าย “ขยะเทศบาล” ตามพิกัด 3825.10.00 ซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้าและนำผ่านราชอาณาจักร ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562

ในปี 2567 คพ. ร่วมกับกรมศุลกากรและกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจพบตู้สินค้าที่สำแดงว่าเป็นเศษกระดาษ แต่ภายในมีขยะอื่นปะปนจำนวนมาก อาทิ โฟม ผ้าอ้อมใช้แล้ว และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จึงแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรฐานร่วมกัน
ประกาศฉบับใหม่ กำหนดให้เศษกระดาษที่นำเข้า ต้องไม่มีสารเคมีอันตราย ขยะติดเชื้อ กัมมันตภาพรังสี และขยะพิษจากชุมชน ขณะเดียวกัน สิ่งปะปนอื่นที่ไม่ใช่กระดาษ เช่น พลาสติก โลหะ ไม้ ดิน และวัสดุสังเคราะห์ ต้องไม่เกิน 2% สำหรับเศษกระดาษที่แยกชนิดแล้ว ได้แก่ กระดาษคราฟท์ (47.07.10), กระดาษขาว (47.07.20), และกระดาษหนังสือพิมพ์ (47.07.30) ส่วนกรณีเศษกระดาษรวม (47.07.90) อนุญาตให้ปนเปื้อนได้ไม่เกิน 3%
นางสาวปรีญาพร กล่าวว่า หลักเกณฑ์ใหม่นี้อิงตามมาตรฐานสหภาพยุโรป และเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันมลพิษจากแหล่งกำเนิด รองรับอุตสาหกรรมรีไซเคิล และลดความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมจากขยะข้ามแดนอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย. -512-สำนักข่าวไทย